นายกฯ ร่วม ตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลปฏิบัติการยุทธการ "ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ" ตรวจยึดและอายึดของกลาง "ยิม เลียก" ทั้งหุ้น BCP มูลค่า 6,000 ล้านบาท รวมทรัพย์สินอื่น มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ก.ล.ต. ขยายผลกรณีการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิด เพื่อนำมาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เกี่ยวกับผลปฏิบัติการยุทธการ "ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ" โดยกล่าวชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กระทรวงยุติธราม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นอีกหลักฐานที่รัฐบาลไม่ได้ละเลยผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งนี้รัฐบาลให้การสนับสนุนหน่วยงานปฏิบัติในทุกรูปแบบ เพื่อให้ทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการละเว้น จึงขอให้ประชาชนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ 
พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ในปี 2564 มีผู้เสียหายกว่า 700 ราย ที่ถูกหลอกลวงทั้งซื้อสินค้า ทำภารกิจ หลอกให้กู้เงิน ซึ่งได้มีการเก็บข้อมูล และตรวจสอบเส้นเงิน พบการโอนเงินไปบัญชีม้า ทั้ง 5 แถว พบบัญชีปลายทาง 2 บัญชี คือ พบบัญชีธนาคารกรุงเทพ มียอดธุรกรรม 3,000 ล้านบาท จากการโอน 300 กว่าครั้ง และ ธนาคารกสิกรไทย มียอดมูลค่าความเสียหาย 154 ล้านบาท ผู้รับปลายทาง ไปสู่บัญชีนาย ยิม เลียก จากนั้นได้ดำเนินการสอบสวนและออกหมายจับรวม 42 คน โดยมีบุคคลสำคัญคือ นายยิม เลียก และภรรยา ซึ่งยังหลบหนีไปกัมพูชา ขณะที่ซึ่งจับกุมได้แล้ว 29 ราย จากการตรวจค้น 50 จุดใน 22 จังหวัด ได้มีการตรวจยึด และอายัดของกลางรวมมูลค่า 10,157 ล้านบาท แบ่งเป็นรถยนต์หรู 8 คัน มููลค่า 78 ล้านบาท เรือยอร์ตค 1 ลำ มูลค่า 800 ล้านบาท เงินสดในบัญชีรวม 1,170 ล้านบาท ที่ดิน 3 แปลง และบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ 6 บัญชี รวมมูลค่า 8,109 ล้านบาท นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า การดำเนินงานของ ปปง.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และระมัดระวัง พิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว โดยมีหุ้นหลายบริษัทที่ถูกยึดไว้ หุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดคือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ปัจจุบันมีมูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หุ้นที่ยึดไว้ มีกรอบกำหนด 90 วัน มีสิทธิพิสูจน์ภายในว 30 วัน หากไม่ใช่การกระทำผิด เป็นอำนาจเพิกถอนต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ซึ่งมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุกา มีมติในการประชุมครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีสำคัญ ที่เป็นเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer) ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนี้ 1. รายคดี นายเฉิน จื้อ กับพวก สำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบพบข้อมูลเครือข่ายการฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล โดยมีฐานใหญ่ อยู่ในกัมพูชา เชื่อมโยง นายเฉิน จื้อ กับพวก เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group (Prince Group) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติในราชอาณาจักรกัมพูชา กลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมในแต่ละคดี มีความเกี่ยวข้องกันและใช้วิธีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิด โดยเปลี่ยนสภาพระหว่างเงินตราในแต่ละประเทศกับสินทรัพย์ดิจิทัล และตรวจสอบพบบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในคดีนี้ ประกอบกับมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงกันไปสู่บุคคลที่อยู่ในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยใช้การหลอกลวงในหลายรูปแบบ หลายขั้นตอน เป็นขบวนการหลอกลวงในลักษณะ ไฮบริดแสกม ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 102 รายการ (เช่น ที่ดิน เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ) รวมมูลค่าประมาณ 373 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 293/2568) 2. รายคดี นายก๊ก อาน (MR.KOK AN) กับพวก สืบเนื่องจากกรณีการจับกุมผู้กระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน ราย น.ส.ปาริฉัตต์ฯ กับพวก กรณี น.ส.ชาล็อตฯ ถูกคนร้ายหลอกลวงเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลพบความเชื่อมโยงกลุ่มผู้กระทำความผิดอันมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการในราชอาณาจักรกัมพูชา เช่น อาคาร 25 ชั้น อาคาร 18 ชั้น อาคาร Hiso และอาคาร Crown Casino มีขบวนการให้เจ้าของบัญชีม้าสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันการทำธุรกรรม โดยมีนายก๊ก อาน สัญชาติกัมพูชา เป็นเจ้าของสถานที่ พบข้อมูลเครือข่ายการฉ้อโกงประชาชนที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีการรับโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร และนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมาซื้อทรัพย์สิน ให้ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ถือกรรมสิทธิ์แทนในทรัพย์สินจำนวนมากในประเทศไทย ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 90 รายการ (เช่น ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 297/2568) 3. รายคดี นางสาวแตงไทยฯ กับพวก กรณีการหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายประการต่างๆ และอ้างว่าต้องถูกตรวจสอบ เนื่องจากบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหายเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน ใช้อุบายหลอกลวงว่าหากต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ต้องโอนเงินมาเพื่อตรวจสอบ จากการสืบสวนเส้นทางการเงินขยายผลเครือข่ายผู้กระทำความผิด พบข้อมูลว่า นางสาวแตงไทยฯ ได้รับมอบอำนาจให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากธนาคารของ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงผู้เสียหายเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดมูลฐานพบข้อมูลการทำธุรกรรม เชื่อมโยงไปยังนายเบน สมิธ หรือ MR. SMITH BEN รวมทั้งบุคคลและนิติบุคคลจำนวนมาก กรณีดังกล่าวมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนมีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสมือนว่ามีการดำเนินธุรกิจ และใช้บริษัทในการถือครองทรัพย์สินแทนตนเอง และบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินในลักษณะที่มีความซับซ้อนสูง ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 300/2568) จากการรวบรวมพยานหลักฐาน สำนักงาน ปปง. พบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำเพิ่มเติม และกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน 4. รายคดี นายเอื้ออังกูรฯ กับพวก กรณี กลุ่มมิจฉาชีพชักชวนให้ประชาชนลงทุนเทรดหุ้น ผ่านกลุ่มไลน์ชื่อ กลยุทธ์การลงทุน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สอนการลงทุน ให้ข้อมูลผลกำไร เป็นลักษณะการจูงใจเพื่อให้ร่วมลงทุนจนหลงเชื่อจึงตัดสินใจเข้าลงทุนด้วยผ่านแอปพลิเคชัน ULELA Max จากการสืบสวนขยายผล ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีการนำเงินที่ได้จากการหลอกลงทุนมีการนำไปเปลี่ยนแปลงเป็นเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (USDT) จากนั้นได้มีการโอนเหรียญไปยังกระเป๋าดิจิทัล เชื่อโยงไปยังเครือข่ายของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ กลุ่มบริษัทสัญชาติกัมพูชา คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 31 รายการ (เงินสด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 46 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 296/2568) อนึ่ง คำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราวดังกล่าวมีกำหนดไม่เกินเก้าสิบวัน หากผู้ถูกยึดและอายัดทรัพย์สินหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินด้งกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งนั้นให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ที่แสดงว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ ด้าน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขยายผลจากกรณีการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า กรณีที่ ปปง. มีการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก.ล.ต. ได้ประสานส่งหนังสือถึง ปปง. เพื่อขอข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในด้านการตรวจสอบและกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกรอบกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต. ต่อไป ทั้งนี้ ก.ล.ต. ยังมีการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยการดำเนินงานจะเป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด และพร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการประสานงานกับผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. เพื่อให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จหรือมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป  |