ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนบวกในวันอังคาร (2 ธ.ค.) แม้การซื้อขายเป็นไปอย่างค่อนข้างเบาบาง โดยดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 185.13 จุด จากการพุ่งขึ้นของหุ้น Boeing รวมไปถึงความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทำสถิติปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา หลังได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 47,474.46 จุด เพิ่มขึ้น 185.13 จุด หรือ 0.39% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,829.37 จุด เพิ่มขึ้น 16.74 จุด หรือ 0.25% และดัชนีแนสแดค ปิดที่ 23,413.67 จุด เพิ่มขึ้น 137.75 จุด หรือ 0.59% ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อ่อนตัวจากข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นหลังพันธบัตรญี่ปุ่นปรับขึ้นแรง รวมถึงราคาบิตคอยน์และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโตฯ ที่ร่วงลง อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีไม่มากในรอบสัปดาห์นี้ รวมไปถึงแรงกดดันจากพันธบัตรเริ่มผ่อนคลายลง จึงช่วยให้ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัว ในช่วงที่นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดเป็นหลัก หุ้น Boeing ปรับตัวพุ่งขึ้นถึง 10.1% และเป็นปัจจัยหลักที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ ให้เพิ่มขึ้นราว 117 จุด หลังบริษัทคาดการณ์การส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 และ 787 จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ดัชนี S&P 500 กลุ่มอุตสาหกรรมปรับขึ้น 0.9% นับเป็นกลุ่มที่ทำผลงานดีที่สุด ขณะเดียวกัน หุ้นเทคโนโลยีก็ขยับเพิ่มขึ้น 0.8% นำโดยหุ้นเมกะแคปอย่าง Apple, Nvidia และ Microsoft ที่เพิ่มขึ้นราว 1% ขณะที่หุ้น Intel ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน 
เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และแม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายเคยเตือนว่าการลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป อาจกระตุ้นแรงกดดันเงินเฟ้อกลับมา แต่ถ้อยแถลงล่าสุดจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย มีส่วนหนุนความหวังที่ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ให้กลับมาเพิ่มขึ้น ข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME ระบุว่า ตลาดให้น้ำหนักมากถึง 89.2% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 63% เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเฟดจับตาดูและจะประกาศในวันศุกร์นั้น จะให้ความกระจ่างเกี่ยวกับโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทนเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งจะหมดวาระในปีหน้า โดยมีรายงานว่า เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ขึ้นแท่นเป็นตัวเต็ง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกในช่วงต้นปีหน้า ด้านความเคลื่อนไหวหุ้นรายตัว พบว่าหุ้น Procter & Gamble ลดลง 1.1% หลังบริษัทเผยถึงผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับจากการชัตดาวน์ ส่วนหุ้น Warner Bros Discovery พุ่ง 2.8% หลังมีรายงานว่าบริษัทได้รับข้อเสนอรอบที่ 2 ซึ่งรวมถึงข้อเสนอจาก Netflix ด้วย ที่มา Reuters 
|