IMPACT สงสัญญาณไตรมาส 3 ปี 68/69 สดใส รับไฮซีซั่นปลายปี ดีมานด์งานใหญ่จ่อคิวรอจัดงานคึกคัก ควบคู่รถไฟฟ้าสายสีชมพูหนุนการเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น ดึงดูดการจัดอีเวนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แย้มสร้างสะเพื่อนเชื่อมต่อเข้าอิมแพ็คฟอรั่มเพิ่มอีก นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ IMPACT GROWTH REIT (IMPACT) เปิดเผยว่า ปีนี้อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการขยายตัวของกิจกรรมภาคเอกชน การจัดคอนเสิร์ตระดับนานาชาติ และงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นแรงหนุนสำคัญของอุตสาหกรรม ส่งผลให้การใช้พื้นที่และอัตราค่าเช่าเฉลี่ยของ IMPACT เติบโตต่อเนื่อง สำหรับช่วงไตรมาส 3 ปีบัญชี 2568/2569 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568) ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีความหนาแน่นของการจัดงานสูงที่สุด โดยมีหลายอีเวนต์ระดับเรือธงจัดขึ้นในช่วงดังกล่าว ทั้งการได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดประกวดนางงามจักรวาล Miss Universe 2025 ที่จัดขึ้นอาคารชาเลนเจอร์ 2 รองรับผู้เข้าร่วมงานจากนานาชาติ สะท้อนภาพลักษณ์ของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมที่มีศักยภาพรองรับการจัดงานระดับ “Global MICE Destination” อย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีงานคอนเสิร์ต งานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่กำลังเกิดขึ้นช่วงเดือนธันวาคมนี้ อาทิ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 (The 42nd Thailand International Motor Expo 2025) , OTOP City 2025 เป็นต้น 
“การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (MT 01) พร้อมทางเชื่อม Sky Entrance เข้าสู่อาคารชาเลนเจอร์โดยตรง ช่วยยกระดับความสะดวกสบายด้านการเดินทาง ลดความแออัดของการจราจร และเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้งานระดับสากลเลือกจัดงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นอีกหนึ่งปีแห่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ IMPACT GROWTH REIT” IMPACT มีแผนพัฒนาเชื่อมต่อภายในพื้นที่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างสะพานเชื่อมเข้าสู่อาคาร 4 อิมแพ็ค ฟอรั่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2569 เพื่อรองรับงานระดับนานาชาติอย่าง THAIFEX – ANUGA ASIA 2026 รวมถึงกิจกรรมขนาดใหญ่ในอนาคต ด้าน นางวันเพ็ญ มุ่งเพียรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ เอ็ม ไอ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า แนวโน้มช่วงปลายปีบัญชียังสดใสต่อเนื่อง จากจำนวนงานระดับโลกที่เข้าจองพื้นที่อย่างคึกคักในไตรมาส 3 และ 4 (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2568 – 31 มีนาคม 2569) ซึ่งเป็นฤดูกาลจัดงานของปี ช่วยให้รายได้ของกองทรัสต์เติบโตเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันการบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการกระจายงานที่หลากหลาย สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีบัญชี 2568/2569 กองทรัสต์มีรายได้จากการให้บริการรวม 1,036 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 555 ล้านบาท สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงที่ 86% และคงอัตรากำไรสุทธิที่ 53% ได้อย่างโดดเด่น ค่าเช่าเฉลี่ย (ARR) อยู่ที่ 90 - 91 บาท/ตร.ม. สูงสุดตั้งแต่หลังยุคโควิด โดยได้รับแรงหนุนจากคอนเสิร์ตระดับโลกและงานไลฟ์สไตล์ที่จัดเพิ่มขึ้น กองทรัสต์ยังคงจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ ล่าสุด ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดไตรมาส 2 ปี 2568/2569 ที่ 0.13 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน กำหนดวันที่จ่ายปันผล 12 ธันวาคม 2568 และรวมปันผล 6 เดือนอยู่ที่ 0.35 บาทต่อหน่วย สะท้อนศักยภาพทางการเงินที่แข็งแรง และสอดคล้องกับนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ 
|