สื่อต่างประเทศรายงานว่า Amazon เตรียมประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่สุดของบริษัท มากถึง 30,000 คน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันอังคารนี้ (28 ต.ค.) โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบรอบนี้ส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งสำนักงาน ครอบคลุมเกือบทุกธุรกิจ ด้านแหล่งข่าววงในเผยว่า คาดว่าจะเริ่มแจ้งให้พนักงานทราบทางอีเมลในช่วงเช้า สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเป็นสื่อแรก ระบุว่า Amazon มีแผนจะปลดพนักงานในส่วนองค์กรมากถึง 30,000 คน ด้าน Amazon ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ ทั้งนี้ Amazon เป็นนายจ้างภาคเอกชนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสหรัฐฯ โดยมีพนักงานทั่วโลกมากกว่า 1.54 ล้านคน ตามข้อมูล ณ สิ้นไตรมาสที่สอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานในคลังสินค้า ขณะที่พนักงานในส่วนสำนักงานมีอยู่ประมาณ 350,000 คน ข้อมูลจากเว็บไซต์ Layoffs.fyi ระบุว่า การปลดพนักงานรอบนี้ยังเป็นการลดตำแหน่งงานที่ใหญ่ที่สุดในภาคเทคโนโลยีนับจากปี 2020 เป็นอย่างน้อย ซึ่งนับจนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.) บริษัทเทคโนโลยีกว่า 200 แห่งปลดพนักงานไปแล้วประมาณ 98,000 คนนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยช่วงที่ผ่านมา มีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งที่ปลดพนักงานไปแล้ว ได้แก่ - Microsoft ปลดไปแล้วประมาณ 15,000 คนในปีนี้ - Meta ปรับลดพนักงานในส่วนงานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปแล้ว ประมาณ 600 ตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา - Google ได้ลดตำแหน่งงานส่วนงานออกแบบในหน่วยคลาวด์ไปแล้วกว่า 100 ตำแหน่ง เมื่อต้นเดือนต.ค. - ด้าน Salesforce เผยเมื่อเดือนก.ย. ว่า มีการปลดพนักงานฝ่ายสนับสนุนลูกค้าไป 4,000 คน พร้อมกับนำ AI มาใช้ ซึ่งมาร์ค เบนิออฟ (Marc Benioff) ซีอีโอของบริษัทระบุว่า เป็นปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการลดคนในครั้งนี้ - Intel ลดพนักงานไปรวมทั้งสิ้น 22,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากที่สุดในบรรดาบริษัทที่ Layoffs.fyi ระบุ 
ปี 2023 เป็นปีที่มีการลดพนักงานในภาคเทคโนโลยีมากที่สุด เนื่องจากเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีเกือบ 1,200 แห่งได้ลดตำแหน่งงานไปกว่า 260,000 ตำแหน่ง ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทต่าง ๆ ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาคเทคโนโลยี ธนาคาร ยานยนต์ และค้าปลีก ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะแนวโน้มปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่จะส่งผลหรือมีผลนำไปสู่การปรับลดพนักงานแล้ว ขณะที่ Amazon ทยอยปลดพนักงานอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2022 โดยมีพนักงานถูกเลิกจ้างไปแล้วกว่า 27,000 คน และยังดำเนินการปลดอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พนักงานที่ได้รับผลกระทบอยู่ในส่วนงานคลาวด์, สโตร์, การสื่อสาร และกลุ่มดีไวซ์ ทั้งนี้ การปรับลดพนักงานเป็นหนึ่งในแผนที่แอนดี แจสซี (Andy Jassy) ซีอีโอของ Amazon ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยแจสซียังลดความซับซ้อนโครงสร้างองค์กร ด้วยการลดจำนวนผู้จัดการลงเพื่อลดลำดับชั้นและทำให้องค์กรมีความเรียบง่ายมากขึ้น และเมื่อเดือนมิ.ย. เขายังกล่าวว่า พนักงานของ Amazon อาจลดลงอีกจากการที่บริษัทนำ Generative AI มาใช้ โดยบอกกับพนักงานว่า บริษัทจะต้องการคนทำงานบางอย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบันน้อยลง และต้องการคนทำงานประเภทอื่นมากขึ้น” ที่มา CNBC 
|