ราคาหุ้นAlphabet พุ่งขึ้นกว่า 5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 315.90 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปหรือมูลค่าตลาดของบริษัท แตะระดับ 3.82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ดันมูลค่าบริษัทเข้าใกล้ระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเตรียมเป็นบริษัทที่ 4 ของโลกที่ก้าวเข้าสู่ระดับดังกล่าว ตามกระแสเก็งกำไรหุ้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หุ้น Alphabet ขยับขึ้นมาแล้วเกือบ 70% ทิ้งห่างคู่แข่งสาย AI อย่าง Microsoft และ Amazon เป็นอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ Nvidia, Microsoft และ Apple เคยทำมูลค่าตลาดพุ่งแตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐมาแล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีเพียง Nvidia และ Apple ที่ยังคงอยู่ในระดับดังกล่าว การพุ่งขึ้นอย่างแรงของ Alphabet สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่กลับมาอีกครั้ง หลังจากช่วงปี 2022 นักลงทุนเคยกังวลว่า บริษัทอาจเสียความได้เปรียบด้าน AI ให้กับ OpenAI หลังการเปิดตัว ChatGPT แม้ว่าเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่เป็นฐานของ Generative AI จะถูกพัฒนาโดย Alphabet มาก่อนแล้วก็ตาม โดยในปีนี้ Alphabet สามารถกลับมาทำงานได้อย่างโดดเด่นอีกครั้ง หลังเปลี่ยนธุรกิจคลาวด์ ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นผู้ตาม ให้กลายเป็นหน่วยธุรกิจที่เติบโตอย่างโดดเด่น ดึงดูดให้ Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์เข้ามาถือหุ้น พร้อมได้รับเสียงชื่นชมตั้งแต่ช่วงแรกของการเปิดตัวโมเดล Gemini 3 รุ่นใหม่ 
นอกจากนี้ หุ้น Google ยังได้รับแรงหนุนจากความจริงที่ว่า เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี สามารถรอดพ้นแรงกดดันด้านกฎหมายต่อต้านการผูกขาดที่ทั้ง 2 พรรคการเมืองสหรัฐฯ ผลักดันมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยแรก โดยบริษัทสามารถรอดพ้นการถูกบังคับขายบริการ Chrome หลังศาลตัดสินว่าธุรกิจค้นหาเป็นการผูกขาดที่ผิดกฎหมาย แต่ยังไม่ถึงขั้นสั่งแยกบริษัท อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จครั้งนี้ อาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่พุ่งสูงผิดปกติ ซึ่งผู้นำธุรกิจหลายคนเตือนว่า อาจไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ ซึ่งคล้ายกับฟองสบู่ดอตคอมในช่วงทศวรรษ 1990 ขณะที่การทำธุรกรรมหมุนเวียนระหว่าง OpenAI และ Nvidia ซึ่งเป็น 2 บริษัทศูนย์กลางของกระแส AI ยิ่งเพิ่มความวิตกดังกล่าว ทั้งนี้ แม้จะมีข้อกังวล แต่นักวิเคราะห์ยังมองว่า Google อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งในสมรภูมิ AI จากกระแสเงินสดที่มั่นคง ชิปที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งเป็นทางเลือกแทนโปรเซสเซอร์ราคาแพงของ Nvidia รวมถึงธุรกิจเสิร์ชขนาดใหญ่ที่เริ่มได้อานิสงส์จากการผสาน AI เข้ามาใช้งานแล้ว ที่มา Reuters 
|