CPALL ตั้งเป้าปี 69 ผลงานโต จ่อสาขาใหม่ในไทย 700 แห่ง อัดงบลงทุน 1.3-1.4 หมื่นลบ. ใช้ขยายสาขาใหม่-ปรับปรุงสาขาเดิม พร้อมลุ้นผลงาน Q4/68 โตดี รับอานิสงส์โครงการคนละครึ่งพลัส นางสาวปัณฑารีย์ นันทนาคม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป สำนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่าสำหรับแผนธุรกิจปี 69 บริษัทยังคงมองเป้าหมายการเติบโตให้สอดคล้องไปกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) แต่จะดีกว่าการเติบโตของการบริโภคภายในประเทศเล็กน้อย
โดยบริษัทตั้งเป้าการเปิดสาขาใหม่ร้านสะดวกซื้อ 7- Eleven ในประเทศไทยจำนวน 700 สาขา จากเดิมที่มีจำนวน 16,000 สาขาทั่วประเทศ และเตรียมงบลงทุนเฉพาะธุรกิจร้านสะดวกซื้อไว้ประมาณ 13,000-14,000 ล้านบาทต่อปี โดยแบ่งเป็นสัดส่วน 50% เพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม และอีกสัดส่วน 50% ใช้ในการลงทุนศูนย์กระจายสินค้าและระบบไอทีภายใน 
ทั้งนี้กลยุทธ์ในปีหน้าบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตในกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (Ready-to-Eat) และสินค้าพร้อมดื่ม (Ready-to-Drink) ที่มีมาร์จิ้นดี รวมถึงการนำเสนอสินค้าให้ตรงกับใจลูกค้า เพื่อสนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตในทุกด้าน ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศจะใช้กลยุทธ์การขยายสาขาแบบค่อยเป็นค่อยไปทั้งในประเทศ สปป.ลาว และกัมพูชา โดยในส่วนของสปป.ลาว คาดว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่ประมาณ 10 สาขาต่อปี ส่วนในประเทศกัมพูชาบริษัทยังติดตามความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/68 มองว่ามุมสภาพเศรษฐกิจและการบริโภคยังค่อนข้างอ่อนตัวอยู่ แต่ช่วงปลายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมามีโครงการคนละครึ่ง พลัส ของภาครัฐออกมา ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยให้ดีขึ้นและทำให้มีมุมมองเชิงบวก อย่างไรก็ตามกรณีฝนตกและปัญหาน้ำท่ามอาจมีผลต่อจำนวนลูกค้าที่เข้าร้านสะดวกซื้อต่อวันบ้าง ทำให้ภาพรวมน่าจะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 3/68 อยู่ในปัจจุบัน แต่สุดท้ายบริษัทคาดหวังว่าหากโครงการคนละครึ่งสามารถกระตุ้นในเรื่องกำลังซื้อและเศรษฐกิจได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ก็อาจจะเห็นการเติบโตที่ดีในไตรมาส 4/68 ได้ อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 4/68 คาดว่าบริษัทจะมีการเปิดสาขาใหม่อีกจำนวน 181 สาขา เพื่อให้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้ปีนี้จำนวน 700 สาขา ภายหลังจากช่วง 9 เดือนแรกปี 68 ที่เปิดไปแล้วจำนวน 519 สาขา โดยจำนวนสาขาในประเทศไทยบริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่จำนวน 700 สาขาต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า “เรายังคงต้องการเป็น Food And Drink Destinations ให้กับลูกค้า โดยสินค้าขายดียังเป็นสินค้าในกลุ่มของอาหาร ซึ่งกลยุทธ์การขาย เรายังเน้นในเรื่องของ Ready-to-Eat เป็นหลัก สิ่งที่เราทำคือ การจับเทรนด์ลูกค้าในแต่ละช่วง และนำเสนอสินค้าที่จะตอบโจทย์ลูกค้า เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า เวลาที่ลูกค้าเข้ามาในร้านเราจะมีของใหม่ๆ อยู่เสมอ คาดว่าจะเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในร้านได้ เช่น การจับเทรนด์การดูแลสุขภาพ เราก็มีสินค้ากลุ่มอาหารคลีนมากขึ้น อย่าง ข้าวโพด, ถั่ว 5 สี ต่างๆ ตลอดจนการนำเสนอสินค้าที่มีความแตกต่างมากขึ้น” นางสาวปัณฑารีย์ กล่าว |