TOP คาด Q4/68 ผลงานสดใส รับอานิสงส์ค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ (GRM) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากไตรมาส 3/68 ที่เฉลี่ย 5.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนด้านราคาน้ำมันดิบลดลงมาอยู่ที่ระดับ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พร้อมย้ำเร่งเดินหน้าโครงการ CFP และลดระดับหนี้ตามแผน

นายณัฐพล นพรัตน์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการพาณิชย์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/68 คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ (GRM) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 8.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากงวดไตรมาส 3/68 ที่เฉลี่ยระดับ 5.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีสาเหตุหลักมาจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น และคาดดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพราะส่วนต่างค่าการกลั่นของน้ำมันชนิดกลางและน้ำมันดีเซล รวมถึงน้ำมันอากาศยานที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับโรงกลั่นในแถบสหรัฐฯและยุโรปที่มีการปิดตัวลง จึงทำให้ตลาดน้ำมันกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างตรึงตัว

ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบในช่วงไตรมาส 4/68 อยู่ที่ระดับ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจากงวดไตรมาส 3/68 ที่เฉลี่ยอยู่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สาเหตุหลักมาจากอุปทานปัจจุบันที่มากกว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก โดยกลุ่มโอเปกก็มีนโยบายเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี

นางธาริกา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการเงิน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กล่าวว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นดำเนินโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ รวมถึงการลดระดับหนี้สินของบริษัทเพื่อเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับการเติบโตของบริษัท และบริษัทยืนยันว่าการส่งมอบโครงการ CFP จะเป็นเป้าหมายสูงสุดของ TOP พื่อก้าวไปข้างหน้าสู่การที่มุ่งมั่นและตั้งใจเต็มที่ในการทำให้โครงการ CFP สามารถประสบความสำเร็จตามที่วางแผนไว้และเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทและผู้ถือหุ้น