CPAXT ประกาศผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง มีกำไรสุทธิ 6,794 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก และความงสามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะช่วยหนุนการบริโภคและการท่องเที่ยว สร้างโอกาสเติบโตต่อเนื่องได้ในโค้งสุดท้ายของปี บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 1,864 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,952 ล้านบาท บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 127,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสินค้า 121,959 ล้านบาท เพิ่มขึน 2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุมธุรกิจค้าส่ง 3.3% โดยหลักมาจากสาขาใหม่และยอดขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า (Omni Channel) ซึ่งได้รับปัจจัยสนันสนุนจากการเติบโตของ ยอดขายกลุมสินค้าอาหารสด กลุมสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private label) และสินค้าแบรนด์ในราคา ที่คุมค่าที่มีจำหน่ายเฉพาะที่บริษัทฯ (Exclusive brand) ในขณะที่รายได้จากการขายของกลุมธุรกิจค้าปลีก เพิ่มขึน 1.7% โดยหลักจากการเติบโตของกลุมธุรกิจค้าปลีกในประเทศมาเลเซีย และจากกลยุทธ์ของกลุม ธุรกิจค้าปลีกในการมุงเน้นกลุ่มสินค้าอาหารสด รวมทังสินค้าพร้อมปรุง และการขายผ่าน Omni Channel บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการและรายได้อื่นรวม 1,462 ล้านบาท ลดลง 517 ล้านบาท หรือ 26.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลหลักจา การจัดประเภทผลตอบแทนจากการสนับสนุนการขายร่วมกับคู่ค้าจากรายได้จากการให้บริการเป็นการลดต้นทุนขาย การให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้า มีรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้ 3,598 ล้านบาท เท่ากับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 
มีกำไรขั้นต้นจากการให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้า 1,984 ล้านบาท ลดลง 0.7% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้า 55.1% และมีอัตราการเช่าพืนที่เฉลี่ย (Average occupancy rate) ในประเทศไทย ที่ 91.9% และในประเทศมาเลเซีย 89.5% โดยสาเหตุหลักจากการปรับปรุงพืนที่เช่าเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการขาย 17,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยเป็น 14.3% ของยอดขายรวมจาก 14.4% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่ลดลงของกลุ่มสินค้าอุปโภคซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เนื่องจากลูกค้ามีความ ระมัดระวังในการจับจ่ายมากขึ้น ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จำกัด มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารรวม 17,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึนของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขายออนไลน์ สอดคล้องกับการเติบโต ยอดขาย Omni Channel รวมถึงค่าใช้จ่ายของสาขาใหม่ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี EBITDA 7,998 ล้านบาท ลดล 3.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็น 6.3% ของรายได้รวม อย่างไรก็ดี EBITDA ของกลุมธุรกิจค้าส่งเติบโตที่ 9.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 6,793.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,609 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 386,050 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นคงจากทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก โดยได้รับแรงหนุนจาก การขยายสาขารวม 100 สาขาทั่วประเทศ การเติบโตของยอดขายนอกร้าน ทั้งจากการขายผ่านทีมขาย B2B และผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เติบโตโดดเด่นถึง 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Grocery E-Commerce Platforms อันดับ 1 ของไทย กลุ่มสินค้าอาหารซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังสามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมลดลงมาอยู่ที่ 13.4% สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่ง นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหาร CPAXT กล่าวว่า แม้เผชิญความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอก บริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากกลยุทธ์การดำเนินงานที่ยืดหยุ่นและปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี และ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ รวมทั้งกิจกรรมทางการตลาดเฉพาะกลุ่ม (Personalization) อีกทั้งบริษัท ยังเดินหน้าขยายสาขาและพัฒนาพื้นที่เช่าในทำเลศักยภาพให้เป็น 'พื้นที่ความสุขของชุมชน' (Happy Mall) และเราเชื่อมั่นว่าด้วยความต่อเนื่องของยุทธศาสตร์ทั้งหมดนี้ ร่วมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งเป็นแรงบวกช่วยหนุนการบริโภคและการท่องเที่ยวในไฮซีซันปลายปีนี้ เชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างโอกาสเติบโตต่อเนื่องได้ในไตรมาสถัดไป" และด้วยเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้นำค้าปลีกระดับภูมิภาค ซีพี แอ็กซ์ตร้า เดินหน้าขยายธุรกิจ โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Ayala Corporation กลุ่มธุรกิจชั้นนำของฟิลิปปินส์ เพื่อเตรียมขยายสาขาสู่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค นอกจากนี้ ยังได้เข้าซื้อกิจการในกลุ่มบริษัท Renewed Hope Pte. Ltd. ภายใต้แบรนด์หลัก Lucky Frozen ซึ่งแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ เริ่มรับรู้ผลประกอบการทันที และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจฟูดเซอร์วิส สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจในภูมิภาค ซีพี แอ็กซ์ตร้า มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาความยั่งยืนในทุกมิติ โดยยึดหลักการดำเนินงานตามแนวทาง ESG เพื่อสร้างคุณค่าทางสังคมและเศรษฐกิจให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการประเมิน MSCI ESG Rating 2025 ในระดับ "A" สูงขึ้นจากระดับ BBB ในปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 
|