ปลัดคลัง เผยคนละครึ่งพลัสเฟส 2 อยู่ระหว่างทำรายละเอียดโครงการ ยืนยันไม่ลืมกลุ่มชายขอบ-ตกหล่น ด้านแจกคนละ 4,000 บาท หรือไม่ ฝ่ายบริหารต้องตัดสินใจ คาดชงครม.ได้ภายใน ธ.ค.นี้ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการเร่งออกแบบรายละเอียดของโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 โดยเฉพาะเรื่องวงเงินที่ประชาชนจะได้รับ โดยทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล “ตามหลักการแล้ว คนที่เข้าร่วมโครงการเฟส 2 โดยที่ยังไม่เคยเข้าเฟส 1 เลย ควรจะได้รับสิทธิมากกว่าคนที่เคยเข้าร่วมแล้ว แต่จะมากกว่าเท่าไหร่ อย่างไร ตอนนี้กำลังเร่งออกแบบและทำการบ้านกันอยู่”นายลวรณ กล่าว นายลวรณ กล่าวว่า โจทย์สำคัญจากรัฐบาลหลังจากนี้ คือ การเก็บตกกลุ่มตกหล่น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และชายขอบ ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเหลืออยู่ไม่มาก ซึ่งการดำเนินการก็จะทำควบคู่ไปกับการเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ จะต้องเข้าไปดูว่ากลุ่มตกหล่นนี้เข้าเกณฑ์ความยากจนหรือไม่ หากเข้าก็ต้องจัดให้อยู่ในกลุ่มรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่ควรเข้าโครงการคนละครึ่ง พลัส แต่หลักการคือ ต้องตามหาตัวตนกลุ่มนี้ให้เจอกัน แล้วค่อยมาพิจารณาข้อมูลรายละเอียดว่ากลุ่มนี้ควรจะเข้าโครงการไห “การดำเนินการส่วนนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่ยอมทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเพื่อสร้างความเป็นธรรม ก็ต้องไปหาให้เจอว่าคนกลุ่มนี้อยู่ที่ไหน และมีจำนวนเท่าไหร่บ้าง”นายลวรณ กล่าว ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าประชาชนกลุ่มตกหล่นที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟสแรกไม่ทัน สามารถเข้าร่วมโครงการในเฟสที่ 2 ได้ ซึ่งรัฐบาลจะให้สิทธิ 4,000 บาทนั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายนโยบายจะเป็นคนพิจารณา ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ววงเงินสิทธิจะให้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่รัฐบาลจะจัดสรรได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าหากท่านนายกรัฐมนตรีพูด ก็ต้องเป็นไปตามนั้น เพราะท่านเป็นคนกำหนดนโยบาย ส่วนกระทรวงการคลังมีหน้าที่ในการดำเนินการ การตัดสินใจทั้งหมดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว “จะมีการเติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบ 2 ด้วยหรือไม่นั้น ต้องขอกลับไปพิจารณาก่อน เพราะการดำเนินการทั้งหมดขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลด้วย ส่วนคนละครึ่งพลัส เฟส 2 มองว่าหากรัฐบาลตั้งเป้าหมายจะเริ่มดำเนินโครงการ ในเดือน ม.ค. 2569 ดังนั้นเพื่อความต่อเนื่องก็ควรจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือน ธ.ค. 2568 ซึ่งคาดว่าหาก ครม. เห็นชอบก็สามารถเปิดรับลงทะเบียนได้ทันที”นายลวรณ กล่าว |