เมย์แบงก์ฯ คงเป้าหมายดัชนี SET สิ้นปี 68 ที่ 1,290 จุด หลังเศรษฐกิจยังเผชิญแรงกดดัน แม้ไตรมาส 3/68 บจ.รายงานกำไรรวม 2.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงกว่าตลาดคาดการณ์ แรงหนุนจากกลุ่มโรงกลั่น-โรงไฟฟ้า และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ทำ Downside ถูกจำกัด บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า รายงานกําไรบริษัทฯใน SET Index (ไม่รวม PF&REIT) งวดไตรมาส 3/68 ข้อมูลถึงวันที่ 17 พ.ย. 68 คิดเป็น 92% Market Cap ทํากําไรสุทธิ 2.5 แสนล้านบาท -22%QoQ และ +28%YoY การหดตัว QoQ มาจากกําไรกลุ่มพลังงาน -45% จาก GULF -89% ที่บันทึกกําไรจากรายการพิเศษลดลง TOP -67% จากการปิดซ่อมบํารุงตามแผน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -89% จาก SCC -104% จากพลิกขาดทุนของธุรกิจปิโตรฯ หลังการเปิดโรงงาน LSP กลุ่มอาหาร -38% จากผู้เลี้ยงสัตว์ CPF -53% BTG -55% TFG -33% ตามราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับลง กลุ่ม ค้าปลีกที่ -8% จากปัจจัยทางฤดูกาลและกลุ่มขนส่ง -40% จาก THAI -64% ที่ฐานกําไรสูง ผิดปกติงวดก่อนจากรายการพิเศษ การขยายตัว YoY หนุนหลักกลุ่มพลังงาน +78% จากการพลิกเป็นกําไรของกลุ่มโรงกลั่น TOP SPRC BCP เนื่องจากปีก่อนที่บันทึกขาดทุนสต็อคฯ กลุ่มโรงไฟฟ้าหนุนจาก GULF+21% ตามกําลังการผลิตไฟฟ้าและส่วนแบ่งกําไร ADVANC เพิ่มขึ้น GPSC +126% จากกําไรพิเศษขายหุ้น AEPL การขาดทุนใน Gheco-oNe ลดลง Spark Spread กว้างขึ้น การกลับมากําไร BCPG จากส่วนแบ่งกําไรจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นตามค่าความ พร้อมจ่ายตลาด JPM กลุ่ม ICT จากการ Turnaround ของ TRUE กําไรที่เติบโตของ ADVANC +37% กลุ่มธนาคารขยายตัว +14% จากรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ย เงินลงทุนและการ ตีมูลค่ายุติธรรม กลุ่มอิเล็คทรอนิกต์ +17% จาก DELTA +26% เนื่องจากรายได้แข็งแกร่ง จากธุรกิจ Al/Data Center กลุ่มปิโตรฯ ขาดทุนลดลงของ PTTGC 
ฐานกําไรไตรมาส 3/68 ดีกว่า Consensus คาด 6% กําไรไตรมาส 3/68 คิดเฉพาะบริษัทที่มีคาดการณ์งบจาก Bloomberg Consensus (ไม่รวม PF&REIT) คิดเป็นสัดส่วน 83% Market Cap ของ SET Index ทํากําไรได้ดีกว่าตลาด คาด 6% ในเชิงการกระจายตัว หุ้นดีกว่าคาดมีสัดส่วน 28% ของจํานวนหุ้นทั้งหมด หุ้น ที่กําไรตามคาดมีสัดส่วน 57% และหุ้นที่กําไรแย่กว่าคาดมีสัดส่วน 15% รายละเอียด กลุ่มที่กําไรดีกว่าและแย่กว่าตลาดมีดังนี้ กลุ่มที่กําไรดีกว่าคาด หลักๆ นําโดย กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ดีกว่าคาด 30% จาก DELTA กําไรจากตีมูลค่าสินค้าคงคลังใหม่ กลุ่มอสังหาฯ ดีกว่าคาด 16% จาก AWC รายได้จาก ธุรกิจค้าปลีกและเชิงพาณิชย์รวมถึงรายได้การบริหารจัดการอสังหาฯ CPN จากรายการ โอนพื้นที่เช่าให้ CPNREIT และ AMATA จากค่าใช้จ่ายภาษีที่น้อยกว่าคาด กลุ่มธนาคาร ดีกว่าคาด 14% จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ดีกว่าคาด กลุ่มอื่นๆ ที่กําไรดีกว่าคาด ในช่วง 3-5% คือ กลุ่มเกษตรฯ และอาหารจาก GFPT ITC TU CPF กลุ่ม ICT จาก ADVANC กลุ่มที่แย่กว่าคาด กลุ่มวัสดุก่อสร้างกําไรต่ำคาด -9% จาก SCC หลักๆ มาจากรายการพิเศษของธุรกิจปิโตรฯ ที่มี Stock Loss และการกลับมาดําเนินงานของ LSP กลุ่ม ท่องเที่ยวกําไรต่ำคาด -7% จากรายการพิเศษของ MINT และ ERW ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่กําไรดีกว่าคาดในช่วง 3-4% เช่น กลุ่มพลังงานจาก EGCO กลุ่มค้าปลีก CPAXT BJC คงประมาณการกําไรปี 68/69 และเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68/69 ที่ 1,290/13,70 แม้กําไรตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาด 6% แต่ในเชิงการกระจายตัวสะท้อนกําไรบริษัท ส่วนใหญ่ เป็นไปตามคาด (57% ของจํานวนหุ้นที่มีคาดการณ์) ประกอบกับเศรษฐกิจข้างหน้าที่เผชิญความท้าทาย จากความไม่แน่นอนภาษีสหรัฐฯ การฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวและปัญหาหนี้ครัวเรือน จึงเป็นเหตุให้ยังไม่เห็นสัญญาณการปรับเพิ่มประมาณการกําไร แต่มองอีกด้านหนึ่งเชื่อว่า Downside การปรับลดประมาณการจํากัดเช่นกัน โดย Bloomberg Consensus ที่ปัจจุบันคาด EPS68/69 อยู่ที่ 88.6/954 บาท/หุ้น เทียบเราคาด 87/92 บาทต่อหุ้น ตามลําดับ ทั้งนี้เราคงเป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปี 68/69 ที่ 1290/1370 จุด ในเชิงกลยุทธ์บน Theme Earnings Play เลือก 10 หุ้นที่แนวโน้มกําไรหลัก 4068 เติบโตและดีต่อในปี 69 ชอบ AMATA AP BCPG COM7 CPN MINT MTC TRUE WHA และ WHAUP 
|