กระทรวงพาณิชย์และกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศสนับสนุนทางการเงิน รวมอาจรวมถึงการเข้าถือหุ้นในบริษัท Vulcan Elements ผู้ผลิตแม่เหล็กแร่หายาก ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน กระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามในจดหมายแสดงเจตจำนงเบื้องต้น เพื่อจัดสรรเงินทุน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้กฎหมาย CHIPS Act ปี 2022 ให้แก่บริษัท Vulcan Elements เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรที่จำเป็นในการผลิตแม่เหล็กถาวร สำหรับใช้งานในเครื่องบินรบ กังหันลม และสินค้าสำคัญอื่น ๆ ตามแถลงการณ์ของกระทรวงฯ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เข้าไปลงทุนโดยตรง เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานสำหรับผลิตแม่เหล็กถาวร ซึ่งเป็นภาคส่วนที่จีนครองความเป็นผู้นำมายาวนาน และตอกย้ำถึงจุดยืนของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการสร้างตลาดแร่หายากและแม่เหล็ก แม้จะเป็นการเดิมพันที่เสี่ยง แต่ก็อาจช่วยลดการพึ่งพาจีนลงได้ ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ข้อตกลงทั้งหมดจะดำเนินการอย่างไรในทางปฏิบัติ เนื่องจากเงินทุนภายใต้กฎหมาย CHIPS Act เป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงที่ไม่ผูกพันทางกฎหมาย ด้านกระทรวงกลาโหมยืนยันรายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าวกับบลูมเบิร์ก โดยระบุว่า เงินทุนสำหรับการกู้ยืมที่มีเงื่อนไขนั้นมาจากกฎหมาย “One Big Beautiful Bill Act” ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเมื่อเดือนก.ค. เพื่อมอบเงินกู้ยืมสำหรับสนับสนุนการผลิตแร่สำคัญและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ มูลค่าสูงสุด 100,000 ล้านดอลลาร์ Vulcan Elements เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทจะได้รับเงินมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยตรงจากสำนักงานจัดสรรเงินทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Office of Strategic Capital) ของกระทรวงกลาโหม และเงินลงทุนเอกชนอีก 550 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตแม่เหล็กขนาด 10,000 เมตริกตันในสหรัฐฯ ขณะที่พันธมิตรอย่าง ReElement Technologies Corp ซึ่งทำธุรกิจแร่ร์แเอิร์ธ ได้รับเงินสนับสนุน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกระทรวงโดยตรงเช่นกันเพื่อขยายขีดความสามารถในการรีไซเคิลและแปรรูปแร่ และอีกก้อนจากเอกชนเป็นมูลค่าเท่ากัน เมื่อต้นปีนี้ ฮาวเวิร์ด ลัตนิค (Howard Lutnick) รัฐมนตรีพาณิชย์ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดสรรงบประมาณจากกฎหมาย CHIPS Act ไปสู่การลงทุนในรูปแบบการเข้าถือหุ้นในบริษัท Intel ผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหา การที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจใช้แนวทางเดียวกันนี้กับ Vulcan ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ทั้งอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและสินค้าเชิงพาณิชย์ จึงแสดงถึงความตั้งใจที่จะขยายอิทธิพลในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ พร้อมสร้างผลตอบแทนให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่มา Bloomberg 
|