Apple กำลังวางแผนปรับโฉมผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง MacBook Air, iPad mini และ iPad Air ครั้งใหญ่ โดยเตรียมอัปเกรดหน้าจอจากแบบ LCD เดิม เป็น OLED ซึ่งให้สีสันสดใสและคอนทราสต์ลึกกว่ามาก ขณะเดียวกัน มาร์เก็ตแคปยังพุ่งทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก จากแรงหนุนยอดขาย iPhone 17 ที่แข็งแกร่งเกินคาด iPad mini จะเป็นรุ่นแรกที่ได้รับการอัปเกรดเป็นหน้าจอ OLED โดยคาดว่าจะเปิดตัวโดยเร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวของบริษัท ในการนำจอ OLED มาใช้กับอุปกรณ์หลายตระกูล เพื่อกระตุ้นยอดอัปเกรดของผู้ใช้งาน แม้ยอดขาย Mac และ iPad ปีนี้จะฟื้นตัวขึ้น แต่ยังต่ำกว่าช่วงปี 2021–2022 ซึ่งมียอดซื้อพุ่งสูงจากกระแส Work from Home อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีจอ OLED จะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น โดย iPad mini รุ่นใหม่ (โค้ดเนม J510) อาจมีราคาสูงขึ้นราว 100 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากต้นทุนหน้าจอที่แพงกว่า นอกจากนี้ Apple ยังได้ทดสอบดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ที่กันน้ำได้ คล้ายกับ iPhone รุ่นล่าสุด ขณะเดียวกัน บริษัทยังพัฒนาระบบลำโพงรูปแบบใหม่ ที่อาศัยเทคโนโลยีการสั่นสะเทือน เพื่อตัดช่องลำโพงออกไป ทำให้ลดจุดเสี่ยงที่น้ำสามารถซึมเข้าเครื่อง โดยจะแตกต่างจาก iPhone ที่ยังคงมีช่องลำโพงแต่ป้องกันด้วยกาวและซีลกันน้ำ โดย iPad mini รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2024 โดยมาพร้อมชิปประมวลผลที่เร็วขึ้นและรองรับแพลตฟอร์ม Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์เฉพาะของบริษัท อย่างไรก็ตาม แผนอัปเกรดนี้ ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุดและอาจถูกเลื่อนออกไปได้ เช่นเดียวกับกรณี iPad แบบพับได้ขนาด 18 นิ้ว ที่มีรายงานว่า Apple เลื่อนกำหนดเปิดตัวออกไปเป็นปี 2029 ด้าน iPad Air รุ่นถัดไป ที่จะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ยังคงใช้จอ LCD เหมือนเดิม แต่ Apple มีแผนจะเปลี่ยนเป็น OLED ในรุ่นต่อไป ขณะที่ iPad Pro ซึ่งอัปเดตด้วยชิป M5 เมื่อเดือนพ.ค. 2024 นั้น ได้เปลี่ยนเป็น OLED ไปแล้ว ขณะที่ในไลน์ผลิตภัณฑ์ iPad ทั้งหมด iPad Air จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่เปลี่ยนเป็น OLED ส่วน iPad รุ่นพื้นฐาน ยังไม่มีแผนจะอัปเกรดในช่วงนี้ ขณะที่ MacBook Pro จะเป็นคอมพิวเตอร์ Mac รุ่นแรกที่ใช้จอ OLED ในการออกแบบใหม่ครั้งถัดไป ขณะเดียวกันแอปเปิลก็เริ่มพัฒนา MacBook Air รุ่นใหม่ที่ใช้ OLED เช่นกัน โดยรุ่นปัจจุบันจะยังใช้จอ LCD ต่อไป และจะได้รับการอัปเกรดชิป M5 ในปี 2026 ทั้งนี้ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตโดยรวม ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ OLED โดยส่วนใหญ่ยังคงใช้จอ LCD มีเพียงรุ่นระดับพรีเมียม เช่น iPad Pro และ Samsung Galaxy Tab S11 เท่านั้นที่ใช้ OLED 
ขณะที่ราคาหุ้นของ Apple Inc. ปรับตัวขึ้นสูงสุด 0.4% ในการซื้อขายล่าสุด ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาดของบริษัท แตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นบริษัทมหาชนลำดับที่ 3 ในประวัติศาสตร์โลก ที่ทำได้สำเร็จ โดยหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นกว่า 56% จากจุดต่ำสุดในเดือนเม.ย. ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด เพิ่มขึ้นกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อยอดขาย iPhone รุ่นใหม่ และแรงกดดันด้านภาษีศุลกากรที่ผ่อนคลายลง ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเมื่อต้นเดือนนี้ หุ้น Apple ยังปิดตลาดที่ระดับสูงสุดใหม่ของปี หลังทะลุจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ตั้งแต่เดือนธ.ค.2024 แดน ไอฟส์ (Dan Ives) นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ระบุว่า “แม้ Apple จะยังไม่โดดเด่นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เหมือนคู่แข่ง แต่การที่มูลค่าตลาดแตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ได้นั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทั้งของ Apple และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขนาดใหญ่ นี่คือเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของแบรนด์ผู้บริโภคที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก” แรงหนุนหลักของการปรับขึ้นมาจากยอดขาย iPhone 17 ที่แข็งแกร่งกว่าคาด โดยข้อมูลจาก Counterpoint Research ระบุว่า ยอดขายของ iPhone 17 ในช่วง 10 วันแรกทั้งในสหรัฐฯ และจีน สูงกว่า iPhone 16 ถึง 14% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของรอบการอัปเกรดครั้งใหม่ ขณะที่อนันดา บารูอาห์ (Ananda Baruah) นักวิเคราะห์จาก Loop Capital ระบุว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงต้นของวัฏจักรการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Apple” พร้อมปรับคำแนะนำหุ้นจาก “ถือ” (Hold) เป็น “ซื้อ” (Buy) นอกจาก iPhone แล้ว Apple ยังเปิดตัว iPad Pro, Vision Pro และ MacBook Pro รุ่นพื้นฐาน ที่มาพร้อมชิป M5 ใหม่ เพื่อเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูกาลจับจ่ายปลายปี ทั้งนี้ ความสำเร็จของแอปเปิลในการแตะระดับมูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ Nvidia กลายเป็นบริษัทแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ ขณะที่ Microsoft เคยทะลุระดับดังกล่าวในเดือนก.ค. หลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ก่อนจะกลับขึ้นไปอีกครั้งในวันอังคารที่ผ่านมา หลังประกาศข้อตกลงใหม่กับ OpenAI ที่มา Bloomberg (1) และ (2) 
|