สหรัฐฯ และประเทศไทย บรรลุกรอบความตกลงทางการค้าต่างตอบแทน (Framework Agreement on Trade) ฉบับใหม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการวาง “มาตรฐานใหม่” ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศ โดยข้อตกลงนี้มุ่งยกเลิกอุปสรรคทางการค้าเกือบทั้งหมดที่มีขึ้นระหว่างกัน รัฐบาลไทย ตกลงลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าสหรัฐฯ ประมาณ 99% ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าเกษตรไปจนถึงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ขณะที่สหรัฐฯ จะลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี และตั้งกลไกใหม่สำหรับจัดการข้อพิพาททางการค้าในอนาคต โดยการประกาศดังกล่าว มีขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน–สหรัฐฯ ครั้งที่ 13 นอกจากข้อตกลงกับไทยแล้ว ประธานษธิบดีทรัมป์ ยังลงนามในข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับกัมพูชาและมาเลเซีย ออกถ้อยแถลงร่วมกับเวียดนาม และบรรลุข้อตกลงด้านความมั่นคงอีกหลายฉบับ พร้อมกันนี้ ไทยและสหรัฐฯ ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านแร่สำคัญ (critical minerals) เพื่อเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น เซมิคอนดักเตอร์และรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งข้อตกลงนี้ มีเป้าหมายเพื่อต่อต้าน การทุ่มตลาด และ การกำหนดราคาที่บิดเบือนจากประเทศที่อุดหนุนอุตสาหกรรมของตน จนทำลายมาตรฐานการแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนี้ ไทยยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจด้านแร่สำคัญ เพื่อให้บริษัทอเมริกันเข้าถึงทรัพยากรแร่หายากได้ก่อนใคร
ขณะเดียวกัน ไทยยังให้คำมั่นจะเพิ่มความร่วมมือด้านการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ จะร่วมมือกันปราบศูนย์หลอกลวงออนไลน์ และขบวนการฉ้อโกงทางการเงิน ซึ่งสร้างความเสียหายให้ชาวอเมริกันมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่เด็กแฮกเกอร์ในห้องใต้ดิน แต่เป็นเครือข่ายอาชญากรรมระดับองค์กร และเรากำลังตามไล่ล่า”
ทั้งนี้ ไทยยังให้คำมั่นจัดซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ จำนวน 80 ลำ มูลค่า 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและสินค้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และน้ำมันดิบ มูลค่าราว 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ที่มา cryptopolitan และ Reuters

|