*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ ปิดที่ 60.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.39% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 64.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.07% ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดประเมินผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ควบคู่กับรายงานที่ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มสัมภาษณ์ผู้สมัครตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่แล้ว *** ผลสำรวจผู้จัดการกองทุนในเดือนพ.ย.ของ Bank of America ระบุว่า นักลงทุนทั่วโลก ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การถือเงินสดลดลงเหลือเพียง 3.7% ซึ่งต่ำจนกระตุ้นให้เกิดสัญญาณขาย ตามโมเดลของ BofA และสร้างความกังวลว่าแรงเก็งกำไรฝั่งขาขึ้นอาจกลายเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยง รายงานเตือนว่า ตลาดที่มีภาวะร้อนแรงเช่นนี้ อาจเผชิญแรงปรับฐานเพิ่มขึ้น หากเฟดไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยตลาดเกิดใหม่และกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มเผชิญแรงขายได้มากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 *** BCA Research ระบุในรายงานล่าสุดว่า ภาษีนำเข้า ไม่ใช่ปัจจัยคุกคามกำไรของบริษัทจดทะเบียนเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป หลังหลายองค์กร สามารถลดผลกระทบด้านต้นทุนและรักษาอัตรากำไรได้สำเร็จ แต่ความอ่อนแรงของตลาดแรงงานที่เริ่มปรากฏชัด กลับกลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้การจับตาใกล้ชิดมากกว่า แม้ BCA Research จะย้ำว่าภาษียังคงเป็นแรงกดดันต่อบางอุตสาหกรรม แต่บริษัทขนาดใหญ่ส่วนใหญ่สามารถลดผลกระทบและจำกัดการสึกกร่อนของอัตรากำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ภาษีจึงไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของผลประกอบการ หรือสร้างความเสี่ยงอย่างมีนัยต่อภาวะตลาดแรงงานในช่วงเดือนข้างหน้า *** Microsoft และ Nvidia เตรียมร่วมลงทุนสูงสุด คิดเป็นมูลค่ารวม 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Anthropic PBC ผู้พัฒนา AI รายสำคัญ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Anthropic กับ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของคู่แข่งอย่าง OpenAI โดยเงินลงทุนดังกล่าว จะถูกรวมอยู่ในรอบการระดมทุนครั้งถัดไปของ Anthropic นอกจากนี้ Anthropic ยังตกลงที่จะซื้อบริการประมวลผลบนคลาวด์ Azure ของ Microsoft คิดเป็นมูลค่ารวม 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดีลดังกล่าวสะท้อนแนวโน้มความร่วมมือที่เพิ่มขึ้น ระหว่างผู้ให้บริการคลาวด์และผู้ผลิตชิปกับผู้พัฒนา AI ชั้นนำ ซึ่งต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากวงจรเดียวกัน โดยบริษัท AI ได้รับเงินทุน ขณะที่บริษัทเทคโนโลยี ได้รับรายได้จากบริการคลาวด์หรือฮาร์ดแวร์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากเริ่มกังวลต่อดีล AI ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยบางรายมองว่าเป็นสัญญาณฟองสบู่ที่ชัดเจน *** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องมีมาตรฐานระดับรัฐบาลกลางเพียงมาตรฐานเดียว สำหรับการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเตือนว่าหากแต่ละรัฐออกกฎของตนเอง จะทำให้เทคโนโลยีนี้ ถูกกำกับดูแลมากเกินไปและกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม “การกำกับดูแลเกินความจำเป็นโดยแต่ละรัฐ กำลังกลายเป็นความเสี่ยงที่จะบ่อนทำลายการเติบโตนี้” พร้อมย้ำว่า “เราต้องมีมาตรฐานระดับรัฐบาลกลางหนึ่งเดียว แทนที่จะปล่อยให้มีกรอบกำกับ 50 แบบ จาก 50 รัฐ” ทรัมป์ยังเตือนว่า หากสหรัฐฯ ไม่สามารถกำหนดมาตรฐานกลางได้ จีนอาจแซงหน้าเราได้อย่างง่ายดายในการแข่งขัน AI *** สหรัฐฯ มีแผนอนุมัติการขายชิปปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงชุดแรกให้แก่ Humain บริษัท AI ของซาอุดีอาระเบีย นับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญของบริษัท ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ขณะที่มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยการอนุมัติดังกล่าว คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความร่วมมือด้าน AI ที่ขยายวงกว้างขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย โดยสหรัฐฯ จะพิจารณาคำขอส่งออกชิป AI ที่เป็นประโยชน์ให้แก่ซาอุดีอาระเบียในปริมาณที่ตกลงกัน ซึ่งซาอุดีอาระเบีย จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับการนำเข้าชิปขั้นสูงตั้งแต่ปี 2023 *** เครือข่ายของ Cloudflare Inc. ผู้ให้บริการความปลอดภัยไซเบอร์รายใหญ่เกิดเหตุขัดข้องครั้งสำคัญในวันอังคาร ส่งผลให้เว็บไซต์ทั่วโลก รวมถึง X และ ChatGPT ล่มหรือใช้งานได้อย่างติดขัดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ก่อนที่บริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในเวลาต่อมา โดยเหตุขัดข้อง ยังส่งผลต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานของสหรัฐฯ รวมถึงระบบขนส่งมวลชนรัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยบริการส่วนใหญ่กลับมาใช้งานได้ปกติราว 10.00 น. ตามเวลานิวยอร์ก บริษัทยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นการโจมตีทางไซเบอร์หรือพฤติกรรมที่ประสงค์ร้ายแต่อย่างใด *** Alphabet เปิดตัว Gemini รุ่นล่าสุด โดยเน้นว่าศักยภาพใหม่ของโมเดลจะถูกนำไปใช้งานได้ทันทีในผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ เช่น ระบบค้นหา (Search) ของบริษัท Gemini 3 เปิดตัวหลังจากรุ่นที่ 2 เพียง 11 เดือน และถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Google ยังคงอยู่แถวหน้าของสนามปัญญาประดิษฐ์ โดย Gemini 3 ทำคะแนนนำบนหลายตารางจัดอันดับประสิทธิภาพโมเดล AI ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในปัจจุบัน *** ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐโดยนักลงทุนต่างชาติปรับลดลงในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งกระทรวงการคลังเพิ่งเผยข้อมูลกระแสเงินทุนหลังการปิดทำการของรัฐบาลกลางเป็นเวลา 43 วัน โดยระบุว่าข้อมูลเดือนต.ค. จะเปิดเผยในวันที่ 18 ธ.ค. ต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 9.249 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก.ย. ลดลงเล็กน้อยจาก 9.262 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนส.ค. แต่เมื่อเทียบกับปีก่อนยังเพิ่มขึ้น 5.5% โดยญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุด โดยถืออยู่ 1.189 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 9 เดือนติดกัน ตรงกันข้าม การถือครองของจีนลดลงเล็กน้อยจาก 7.01 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนส.ค. เหลือ 7.005 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ย. ซึ่งจีนยังคงเป็นผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากสหราชอาณาจักรที่รั้งอันดับ 2 
*** Baidu Inc. เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โดยรายได้ลดลง 7% สู่ 31,200 ล้านหยวน (ราว 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนก.ย. ถือเป็นการปรับลดรายได้รายไตรมาสที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แม้ตัวเลขยังออกมาดีกว่าประมาณการเฉลี่ยของนักวิเคราะห์เล็กน้อย โดยบริษัทพลิกจากกำไรเป็นขาดทุนสุทธิราว 11,200 ล้านหยวน เนื่องจากการปรับด้อยค่าทรัพย์สินหลายรายการ ขณะที่หุ้น Baidu ร่วงลงประมาณ 2% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดสหรัฐฯ ผลประกอบการครั้งนี้ สะท้อนความท้าทายใหญ่ 2 ด้าน ของผู้นำธุรกิจเสิร์ชเอ็นจินจีนและธุรกิจโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลัก กำลังสูญเสียผู้ใช้งานและงบโฆษณาให้กับแพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง ByteDance และ Xiaohongshu ขณะเดียวกัน Baidu ยังต้องเผชิญการแข่งขันเข้มข้นในตลาด AI ที่มีผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Alibaba Group *** PDD Holdings Inc. ส่งสัญญาณว่า การบริโภคในจีนที่แข่งขันรุนแรง กำลังฉุดแนวโน้มการเติบโตของบริษัท สะท้อนศึกอีคอมเมิร์ซที่ทวีความดุเดือดขึ้นกับผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Alibaba Group แม้รายได้ไตรมาสสิ้นสุดเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 9% สู่ 108,300 ล้านหยวน (ราว 15,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สูงกว่าคาด และกำไรสุทธิกระโดดขึ้น 17% แต่นักลงทุนยังวิตกความสามารถของ PDD ในการรับมือคู่แข่งรายใหญ่ ส่งผลให้หุ้นร่วงกว่า 3% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดสหรัฐฯ ผลประกอบการที่ดีกว่าคาด สะท้อนการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของธุรกิจในจีน ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศอย่าง Temu เริ่มทรงตัวหลังผ่านความปั่นป่วนจากนโยบายสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การออกตัวด้วยความระมัดระวังของบริษัทเอง ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในระยะยาว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ *** จีนออกจำหน่ายพันธบัตรสกุลเงินยูโรมูลค่า 4,000 ล้านยูโร (ราว 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และได้รับความต้องการซื้อสูงเป็นประวัติการณ์ บ่งชี้ว่านักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจต่อหนี้รัฐบาลจีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดีลดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ชุดในสัดส่วนเท่ากัน และมีคำสั่งซื้อรวมกว่า 104,500 ล้านยูโร หรือคิดเป็นความต้องการมากกว่า 26 เท่าของจำนวนที่เสนอขาย ซึ่งถือเป็นระดับดีมานด์สูงที่สุดสำหรับพันธบัตรสกุลยูโรที่จีนเคยออก *** คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยต่อซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นว่า BOJ กำลังอยู่ในขั้นตอนลดระดับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตอกย้ำเจตนาชัดเจนว่า เขายังคงมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง โดยอุเอดะระบุหลังการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแบบทวิภาคีครั้งแรกว่า “กลไกที่ทำให้เงินเฟ้อและค่าจ้างเติบโตไปด้วยกันนั้นกำลังฟื้นตัวขึ้น” และ “ด้วยเหตุนี้ ผมได้บอกนายกรัฐมนตรีว่า เรากำลังดำเนินการปรับลดระดับมาตรการผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป” *** Xiaomi ออกคำเตือนว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเห็นราคาสมาร์ทโฟนปรับสูงขึ้นอีกในปีหน้า เนื่องจากต้นทุนชิปหน่วยความจำพุ่งขึ้นมาก ขณะเดียวกันบริษัทยอมรับว่าการขึ้นราคา ไม่สามารถชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด โดยราคาชิปหน่วยความจำทั่วโลก ปรับเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่ทะยานสูงสำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีเร่งลงทุนขยายศูนย์ข้อมูล โดยผู้ผลิตชิปอย่างซัมซุงจึงต้องหันกำลังการผลิตไปยังชิปความเร็วสูง (HBM) และลดกำลังผลิตชิปที่ใช้ในอุปกรณ์ทั่วไป เช่น สมาร์ทโฟน ประธาน Xiaomi กล่าวว่า “ผมคาดว่าความกดดันจะหนักขึ้นมากในปีหน้าเมื่อเทียบกับปีนี้” โดยเฉพาะต้นทุนชิปหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด “โดยรวมแล้ว ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเห็นราคาขายปลีกของสินค้าปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งอาจต้องแก้ด้วยการขึ้นราคา แต่การขึ้นราคาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะบรรเทาต้นทุนทั้งหมดได้” *** ข้อมูลจาก Counterpoint เผยว่า iPhone ของ Apple ครองสัดส่วน 1 ใน 4 ของสมาร์ทโฟนที่ขายในจีนในเดือนต.ค. โดยยอดขายพุ่งขึ้นถึง 37% จากปีก่อน หนุนโดยความต้องการแข็งแกร่งของซีรีส์ iPhone 17 ซึ่ง Apple เคยทำส่วนแบ่งตลาดระดับนี้ได้ครั้งล่าสุดในปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่การแข่งขันในตลาดพรีเมียมยังไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน ยอดขายสมาร์ทโฟนโดยรวมในจีนเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบรายปีในเดือนต.ค. โดยได้แรงขับจาก Apple และผู้ผลิตจีนทุกราย ซึ่งทั้ง 3 รุ่นของ iPhone 17 มียอดขายเติบโตในอัตราเลข 2 หลัก โดยมีรุ่นพื้นฐานเป็นรุ่นชูโรง *** SEMI Europe ซึ่งเป็นสมาคมตัวแทนบริษัทอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์หลายร้อยแห่งในยุโรป ระบุว่า สหภาพยุโรปจำเป็นต้องออกมาตรการจูงใจการลงทุนสำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิป ผู้ผลิตวัสดุ และบริษัทออกแบบชิป เพื่อเสริมความมั่นคงของภูมิภาคและป้องกันไม่ให้ล้าหลังกว่าคู่แข่งในสหรัฐฯ และเอเชีย คณะกรรมาธิการยุโรปได้ขอคำแนะนำจาก SEMI ในระหว่างการทบทวนกฎหมาย Chips Act ปี 2023 ซึ่งมีเป้าหมายดึงดูดการลงทุน 43,000 ล้านยูโรเพื่อสร้างและขยายโรงงานผลิตชิปในยุโรป โดยประเทศต่าง ๆ รวมถึงสหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ต่างมีโครงการคล้ายกัน เพื่อต่อสู้แย่งส่วนแบ่งตลาดและสร้างความมั่นคงห่วงโซ่อุปทานในยุค AI 
|