กรมเจรจาการค้า ยืนยันเดินหน้าหารือภาษีต่างตอบแทน USTR ต่อ พร้อมคงกรอบเดิมแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ พร้อมระบุผู้นำทุกฝ่ายแยกการค้า-ความมั่นคงระหว่างประเทศออกจากกันชัดเจน นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าทางสหรัฐฯ ระงับการเจรจาการค้ากับไทย จนกว่าไทยจะปฏิบัติตามปฏิญญาไทย - กัมพูชา ว่า จากข้อมูลล่าสุด มั่นใจสหรัฐฯ ยังมีเป้าหมายเดียวกับไทยในกรอบเดิมที่ตั้งใจจะเจรจา และรายละเอียด ข้อตกลงเกี่ยวกับภาษีต่างตอบแทน (reciprocal tariffs) ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ 
สำหรับฝั่งของไทย กระทรวงพาณิชย์ เน้นย้ำกับ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา หรือ USTR มาตลอด โดยนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับ USTR ในช่วงการประชุม APEC โดยเน้นย้ำเรื่องการค้า และเรื่องของความมั่นคงจะต้องแยกจากกันชัดเจน “โดยรายละเอียดข้อตกลง ซึ่งภายในประเทศได้ทำการบ้านอย่างจริงจัง เพื่อที่จะหารือกับสหรัฐฯอย่างเข้มข้น และได้จัดตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์ โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในชุดนี้ เพื่อดูแลในเรื่องนี้ และมุ่งมั่นในเรื่องของเรา เพื่อเตรียมการเจรจากับสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง และยึดในเป้าหมายเดิม”นางสาวโชติมา กล่าว สำหรับภายในประเทศ ได้เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ ในการเสริมสร้างขีดความสามารถในสินค้าที่มีศักยภาพในด้านบริการและด้านอื่นๆ รวมทั้งเตรียมหาตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับคู่เจรจาที่มีอยู่ และจะต้องขยายตลาดใหม่ ในการทำข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ จะเป็นการเตรียมพร้อมผู้ประกอบการในการต่อสู้ในภาวการณ์แข่งขันสูง และมีปัจจัยหลายอย่างที่กระทบต่อการค้าและการลงทุนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ไทยยืนยันยังมุ่งมั่นในเป้าหมายเดิม และเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะหารือทุกภาคส่วนอย่างที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเจรจา และผลกระทบจะนำมาพิจารณาอย่างครบถ้วน และรอบด้าน “เราได้พูดคุยกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีต่างตอบแทนมาตลอด และในช่วงที่รัฐบาลนี้เข้ามาก็ได้เดินหน้าพูดคุยกับสหรัฐฯมาอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่า ไม่มีการหยุดการเจรจา ไทยยังยึดที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน และยืนยันกับ USTR ที่พร้อมจะเดินหน้าเจรจาต่อ ”นางสาวโชติมา กล่าว ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และการเจรจาการค้าไทยกับต่างประเทศว่า ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่มีเหตุทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดที่ทางกัมพูชาวางใหม่ หลังลงนามปฏิญญาสันติภาพ โดยรัฐบาลภายใต้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยัน และมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างหนักที่จะแก้ไขปัญหาทั้งชายแดนไทย-กัมพูชา และต้องการบรรข้อตกลงการค้าระหว่างไทยกับต่างประเทศให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ดังนั้น วันนี้ได้เรียนเชิญฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย ว่า จากนี้ การระงับปฏิญญา ระงับอย่างไร และบางอย่างที่ไทยได้ประโยชน์จะดำเนินการต่อหรือไม่ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจะมีบทบาทต่อเวทีโลกอย่างไร และด้านการค้าจะเดินหน้าในทิศทางใด ซึ่งอธิบดีกรมการเจรจาการค้า จะมาให้ข้อมูลที่ครบถ้วนให้ทุกท่านรับทราบ วันนี้สถานการณ์ทางการค้าจะเป็นอย่างไร โดยประเด็นที่นายกรัฐมนตรีมุ่งหมายในการสื่อสารกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือ การขอแยกประเด็นทวิภาคีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงระหว่างไทยกับกัมพูชา แยกออกจากประเด็นผลประโยชน์ทางการพาณิชย์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้ออกมาระบุว่า ทางสหรัฐฯ จะแยกประเด็นนี้ออกจากกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นางนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า รัฐบาลไทยพร้อมเดินหน้าการดำเนินงานต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ สำเร็จลุล่วงภายในกรอบเวลาเดิม ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เช่นเดียวกับรัฐบาลทุกประเทศ ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ก็ตระหนักถึงความสำคัญของการเจรจาการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ ซึ่งมีน้ำหนักเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญเช่นกัน จึงได้เดินหน้าดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมของไทยอย่างรอบด้าน เพื่อให้สามารถเร่งสรุปผลการเจรจาได้ตามกรอบเวลาเดิม นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังเร่งรัดการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาให้บรรลุผลโดยเร็ว พร้อมเดินหน้ามาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ภาคเอกชนไทย และเร่งแก้ไขปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีหรือการส่งผ่านสินค้า (transshipment) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลและภาคเอกชนของสหรัฐฯ ว่าไทยดำเนินงานด้วยความโปร่งใสและเป็นไปตามมาตรฐานสากล “ไทยเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหวังให้การเจรจาสัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพให้กับการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยและสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะช่วยเอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น”นางศุภจี ระบุ ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าหลักของไทย และรัฐบาลให้ความสำคัญกับการรักษาความสมดุล ความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์ที่ดี พร้อมเดินหน้าส่งเสริมความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยการขยายตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง ผ่านกลยุทธ์เชิงรุกทั้งการเปิดตลาด การจับคู่ธุรกิจ และการส่งเสริมให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์สูงสุดจากผลการเจรจา ท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและกระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าผลักดันการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการคุ้มครองผลประโยชน์ของภาคการส่งออกของไทย การขยายตลาดใหม่ และการยกระดับศักยภาพสินค้าไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน 
|