รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าทำตามคำมั่นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการระงับมาตรการตอบโต้อุตสาหกรรมต่อเรือและโลจิสติกส์ของจีน พร้อมยืนยันแผนพักชำระค่าธรรมเนียมท่าเรือสำหรับเรือที่มีความเชื่อมโยงกับจีนเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้า หลังการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ประเทศเกาหลีใต้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ระบุว่า จะระงับการดำเนินมาตรการลงโทษทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวน “มาตรา 301” เกี่ยวกับแนวทางการค้าของจีนที่ไม่เป็นธรรม เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. โดยการพักเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ครอบคลุมเรือขนาดใหญ่ที่สร้างในจีนและเข้าเทียบท่าในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ระงับการจัดเก็บภาษีนำเข้าเครนขนถ่ายสินค้าระหว่างเรือกับฝั่งและแชสซีส์จากจีน ทำเนียบขาวระบุว่า จีนได้ตกลงระงับมาตรการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน เพื่อตอบแทนการผ่อนปรนของสหรัฐฯ โดย USTR จะเปิดรับความเห็นสาธารณะตั้งแต่เที่ยงวันพฤหัสบดีถึงเวลา 17.00 น. วันศุกร์ (ตามเวลานิวยอร์ก) มาตรการดังกล่าวถือเป็นคำมั่นของสหรัฐฯ ที่จะไม่ใช้ภาษีหรือบทลงโทษอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนกรณีการกระทำของจีนในภาคการต่อเรือ โลจิสติกส์ และการขนส่งทางทะเล เป็นเวลา 1 ปี แม้ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์จะเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายการค้าอยู่บ่อยครั้งก็ตาม 
การสอบสวนดังกล่าวดำเนินการภายใต้มาตรา 301 แห่งกฎหมายการค้าปี 1974 ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ยุครัฐบาลไบเดน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากสหภาพแรงงานของคนงานเหล็กและอุตสาหกรรมต่อเรือในสหรัฐฯ โดยมาตรา 301 มักใช้เวลาสอบสวนนานหลายเดือน แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่ให้อำนาจรัฐบาล ในการจัดเก็บภาษีได้อย่างชอบธรรม ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เคยใช้มาตรการนี้ในสมัยแรกของเขา เพื่อเก็บภาษีสินค้าจีนหลายรายการ นโยบายลดอิทธิพลของจีนในอุตสาหกรรมทางทะเล ถูกประกาศใช้ในเดือนเม.ย. โดยเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเรือจีนที่เทียบท่าสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. โดยเรือที่ทั้งสร้างในจีนและดำเนินการโดยบริษัทจีน จะถูกเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุดตามขนาดระวางสุทธิ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีแผนจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้า 100% สำหรับเครนขนถ่ายสินค้า แชสซีส์ และชิ้นส่วนจากจีน ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. รวมถึงภาษีเพิ่มเติมสูงสุดถึง 150% สำหรับอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าที่มีต้นกำเนิดจากจีนบางประเภทที่ใช้ในท่าเรือของสหรัฐฯ ขณะที่จีนตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงจากเรือที่เป็นเจ้าของโดยบริษัทสหรัฐฯ ที่เทียบท่าจีน ซึ่งเริ่มมีผลในวันเดียวกันกับมาตรการของสหรัฐฯ พร้อมทั้งสั่งคว่ำบาตรหน่วยงานของบริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ที่วางแผนลงทุนในอุตสาหกรรมทางทะเลของอเมริกา ทั้งนี้ การผลักดันแผนฟื้นฟูศักยภาพอุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ ได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต รวมถึงภาคอุตสาหกรรมในประเทศ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงพยายามถ่วงดุลอิทธิพลของจีน ในภาคการต่อเรือ ผ่านทั้งการสอบสวนและการสร้างความร่วมมือกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมทางเลือกในภูมิภาค ที่มา Bloomberg และ Gobal Maritime Hub 
|