เศรษฐกิจจีน ชะลอตัวลงในเดือนต.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ผู้บริโภคที่อ่อนแอและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงดิ่งอย่างต่อเนื่อง ขณะที่วันหยุดยาวช่วงต้นเดือน ยิ่งฉุดกิจกรรมภาคการผลิตให้ซบเซา ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร หดตัว 1.7% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี หลังจากลดลง 0.5% ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. ขณะที่ผลสำรวจคาดว่าจะติดลบเพียง 0.8% โดยการหดตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเช่นนี้ เกิดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 2020 ซึ่งตรงกับช่วงการระบาดของโควิด-19 เฉพาะเดือนต.ค. การลงทุนสินทรัพย์ถาวรลดลงถึง 11.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับอ่อนแอที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2020 ในช่วงเริ่มล็อกดาวน์รอบแรกของโควิด-19 จากการประเมินของโกลด์แมน แซคส์ โดยระบุว่า สาเหตุหลักมาจากความพยายามของรัฐบาลจีน ในการแก้ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรม และภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงถดถอย และหดตัวลง 14.7% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี มากกว่าการลดลง 13.9% ในช่วง 9 เดือนแรก ขณะที่การลงทุนภาคการผลิต ขยายตัว 2.7% และการลงทุนในสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และระบบน้ำประปา เพิ่มขึ้น 12.5% ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโต 4.9% ในเดือนต.ค. ชะลอลงจาก 6.5% ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 5.5% ส่วนภาคการผลิตของจีน หดตัวมากกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากช่วงวันหยุดยาว 1-8 ต.ค. ทำให้โรงงานส่วนใหญ่ปิดทำการ 
ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 2.8% แต่ยังเป็นการชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดของปีนี้ ส่วนอัตราว่างงานในเขตเมือง ลดลงเล็กน้อยสู่ 5.1% ในเดือนต.ค. จาก 5.2% ในเดือนก.ย. จื้อเหว่ย จาง ประธานเจ้าหน้าที่เศรษฐศาสตร์ของ Pinpoint Asset Management ระบุว่า การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ลดลงอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่ถูกฉุดจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานที่ซบเซา ด้านอวี่ฮั่น จาง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Conference Board’s China Center ระบุว่า การลงทุนภาคการผลิตเติบโตในระดับปานกลางและไม่สม่ำเสมอ โดยรัฐวิสาหกิจเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ระบบทำความร้อน และก๊าซ ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติหดตัวอย่างหนัก และคาดว่าการลงทุนภาครัฐ ที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบายในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตขั้นสูง และการยกระดับอุตสาหกรรมจะยังดำเนินต่อไป ขณะที่ข้อมูลอีกฉบับจากภาครัฐ เผยว่า ราคาบ้านใหม่ลดลง 0.5% ในเดือนต.ค. จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงรายเดือนมากที่สุดนับจากเดือนต.ค.ปีก่อน โดยราคาบ้านเมื่อเทียบรายปีลดลง 2.2% ด้านราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และเป็นครั้งแรกที่กลับมาบวกตั้งแต่เดือนมิ.ย. ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 1.2% สูงสุดตั้งแต่ก.พ. 2024 การส่งออกของจีนเดือนต.ค. หดตัวแบบไม่คาดคิดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่าย จะบรรลุข้อตกลงลดภาษีตอบโต้กันเมื่อปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ตกลงลดภาษีตอบโต้และระงับมาตรการจำกัดด้านการค้าเป็นเวลา 1 ปี ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนเติบโต 4.8% ในไตรมาส 3 ชะลอลงจากระดับ 5.2% ในไตรมาส 2 และ 5.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มา CNBC 
|