การขยายตัวของสินเชื่อในจีนเดือนต.ค. อ่อนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี โดยถูกกดดันจากยอดขายพันธบัตรรัฐบาลที่ชะลอตัวลง และความต้องการกู้ยืมที่ซบเซาในภาคเศรษฐกิจ โดยยอดการระดมทุนรวม ซึ่งเป็นมาตรวัดสินเชื่อที่ครอบคลุมวงกว้าง เพิ่มขึ้นเพียง 815,000 ล้านหยวน (ราว 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2024 และต่ำกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ระดับ 1.2 ล้านล้านหยวนอย่างมาก สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่เพียง 219,000 ล้านหยวน ในเดือนดังกล่าว ต่ำกว่าที่คาดเช่นกัน ขณะที่การเติบโตของยอดสินเชื่อคงค้างในภาคเศรษฐกิจจริงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงดีมานด์สินเชื่อที่อ่อนแรงทั่วทั้งระบบ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากทางการได้เร่งการขายพันธบัตรล่วงหน้าในช่วงต้นปี 2025 อีกทั้งยังมีปัจจัยฤดูกาล เพราะธนาคารมักไม่เร่งปิดยอดปล่อยกู้ในช่วงต้นไตรมาส 
ตัวเลขที่น่าผิดหวังดังกล่าวเกิดขึ้น แม้มีแรงหนุนจากการเริ่มปล่อยเงินกู้ผ่านโครงการสินเชื่อนโยบายใหม่ของรัฐบาล มูลค่า 500,000 ล้านหยวน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการกู้เงินที่ยังซบเซามาก จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่อ่อนแอ ด้านฝั่งภาคธุรกิจ ยังลังเลต่อการกู้เพื่อลงทุนหรือขยายกิจการ โดยสินเชื่อองค์กรระยะกลางและยาวเพิ่มขึ้นเพียง 31,000 ล้านหยวน ไม่ถึง 1 ใน 5 ของระดับปีก่อนหน้า ขณะที่สินเชื่อครัวเรือนระยะกลางและยาว ซึ่งสะท้อนสินเชื่อที่อยู่อาศัย หดตัวลงอีกครั้ง บ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังไม่ต้องการซื้อบ้าน หากนับรวมทั้งปี พบว่าการกู้ยืมของครัวเรือนจีน เพิ่มขึ้นในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2008 นักเศรษฐศาสตร์จีนจาก Capital Economics ระบุว่า “ความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังอ่อนแอ เป็นปัจจัยฉุดการเติบโตของสินเชื่อโดยรวม ซึ่งชัดเจนว่า มาตรการอุดหนุนสินเชื่อผู้บริโภค ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ต้นก.ย. ยังไม่ช่วยพยุงดีมานด์ครัวเรือนแต่อย่างใด” ซึ่งท่ามกลางภาวะหาผู้กู้ยาก ธนาคารบางแห่งหันได้หันไปออกสินเชื่อปลอมให้ลูกค้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ด้านธนาคารกลางจีนระบุว่า เป็นธรรมชาติของเศรษฐกิจ ที่กำลังเปลี่ยนผ่านออกจากโมเดลการเติบโตเดิม ส่งผลให้ตลาดปรับลดคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมภายในปีนี้ ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์ของ Barclays Bank คาดว่า การออกพันธบัตรรัฐบาล จะเร่งตัวขึ้นช่วงปลายปีและต่อเนื่องสู่ปี 2026 ที่มา Bloomberg 
|