คลัง เผยอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแสนล้านบาท หวังดันจีดีพีไตรมาส 4/68 โต 1.1% เตรียมเสนอ ครม.เศรษฐกิจ อนุมัติคนละครึ่งพลัส 1.5 เติมเงินร้านค้า ที่ผ่านการ Upskill นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเป็นการร่วมมือกับภาคเอกชน จนเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจใหม่เกิดขึ้นอย่างมาก โดยในเชิงธุรกิจสามารถก้าวได้เร็วขึ้น ขณะที่ในเชิงประเทศก็ต้องเตรียมความพร้อมที่จะเร่งผลักดันให้สัญญาณนี้ยังเป็นสัญญาณที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป 
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันจนเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนชีพจรที่กระตุกขึ้นมาอีกครั้้ง ผ่านโครงการสำคัญ เช่น การเร่งคืนหนี้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), การเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, โครงการเที่ยวดีมีคืน, การเร่งเบิกจ่ายของส่วนราชการ และโครงการคนละครึ่ง พลัส ซึ่งทั้งหมดถือเป็นเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วเกือบ 1 แสนล้านบาท และได้ช่วยให้บรรยากาศเศรษฐกิจทั่วประเทศเริ่มกระตุกขึ้นมา ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยไม่ได้มีการกู้เงินใหม่ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังคงรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มข้น “สิ่งที่รัฐบาลเห็นในวันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา คือ สัญญาณเศรษฐกิจที่แผ่วมาก เหมือนชีพจรที่เต้นเบาจนเกือบจะดับ เศรษฐกิจไทยเหมือนจะดิ่งเหว แม้จะยังไม่ถึงกับตกเหว แต่ก็ติดหล่มเหลืออยู่อีกนิดเดียวก็จะตกเหว และจากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งหมดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ช่วยให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 น่าขยับขึ้นมาได้เป็น 1.1% นี่เป็นสัญญาณเศรษฐกิจแรกที่เห็น” นายเอกนิติ ระบุ นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้สิ่งที่รัฐบาลเริ่มเห็น นั่นคือ การย้ายฐานการผลิต หลังจากความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งไทยและอาเซียนถูกจับตามองว่าเป็นประเทศที่เหมาะแก่การลงทุน ส่งผลให้ตัวเลขการเคลื่อนย้ายการลงทุนของไทยและอาเซียนในปีที่ผ่านมาเติบโตเป็นบวก สวนทางกับหลายประเทศทั่วโลก สะท้อนตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการ คิดเป็น 90% โดยโครงการเติบโตขึ้นเกือบ 30% โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ ดาต้าเซ็นเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ อีวีและไฮบริด เวลเนสเซ็นเตอร์ เป็นต้น แต่ต้องยอมรับว่ามีเม็ดเงินที่ขอรับการลงทุนค้างท่ออยู่ถึง 4.7 แสนล้านบาท โดยประเด็นนี้รัฐบาลให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ต้องเร่งปลดล็อกเพื่อผลักดันให้เม็ดเงินสามารถลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังติดปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎระเบียบ และข้อกฎหมายซึ่งยังเป็นอุปสรรค ดังนั้นจึงมีแนวคิดในการเดินหน้าโครงการ Fast Pass ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อเร่งปลดล็อกให้เม็ดเงินที่ค้างท่อเข้าสู่ระบบได้เร็วขึ้น และจะมีอุตสาหกรรมใหม่ที่มาต่อยอดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 ขณะเดียวกันได้มีการตั้งคณะทำงาน ซึ่งมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามาแก้กีโยตินกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นข้อติดขัด หรืออุปสรรค เพื่อปลดล็อกให้เกิดการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวด้วย นายเอกนิติ กล่าวว่า ไทยจำเป็นต้องออกแบบนโยบายเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะยาว ภายใต้ข้อจำกัดของฐานะการคลังที่มีงบประมาณจำกัด ซึ่งรัฐบาลยืนยันจะดำเนินนโยบายอย่างมีวินัยและกระจายประโยชน์ให้ทั่วถึง นอกจากนี้ ยังมีโครงการแก้ไขปัญหาหนี้เสียรายย่อยผ่านกลไกของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) สำหรับลูกหนี้ที่มีหนี้เสียไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย อย่างไรก็ดี ในวันนี้ (10 พ.ย. 2568) จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ เพื่อหารือแนวทางร่วมกับแพลตฟอร์มต่างๆ ในการจัดหลักสูตรอบรมพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มทักษะการขาย การบริหารบัญชี และการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในโครงการคนละครึ่งพลัสที่ผ่านการอบรมและพัฒนาทักษะตามเงื่อนไขจะได้รับเงินอุดหนุนพิเศษเพิ่มอีก 20% ของยอดขาย (Top up 20%) เพื่อจูงใจให้ผู้ค้าเข้าระบบภาษีและขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น “ครม.เศรษฐกิจพิจารณาโครงการ คนละครึ่ง พลัส 1.5 โดยจะเติมเงินให้ร้านค้าที่ผ่านการอบรมเพิ่มทักษะการขายออนไลน์ในอัตรา 10-20% ของยอดขาย ไม่เกิน 2,000 บาท เพื่อส่งเสริมให้พ่อค้าแม่ค้าใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลพัฒนาธุรกิจ โดยโครงการใหม่นี้แตกต่างจาก “คนละครึ่ง พลัส” เดิม ที่เน้นกระตุ้นการใช้จ่ายฝั่งประชาชน โดยรอบนี้จะเพิ่มการพัฒนาศักยภาพร้านค้า เช่น การขายของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การทำบัญชีดิจิทัล และการใช้เอไอ (AI) ช่วยดำเนินธุรกิจ โดยใช้งบประมาณบางส่วนจากโครงการเฟสแรกมาสนับสนุน ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดหลังประชุม ครม.เศรษฐกิจ”นายเอกนิติ กล่าว 
|