*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ ปิดที่ 58.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1.21% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 63.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.04% ราคาน้ำมันดิบปิดแดนบวกในวันพุธ โดยฟื้นตัวจากแรงขายในวันก่อนที่กดราคาลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่นักลงทุนประเมินแนวโน้มอุปทานส่วนเกินและการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย–ยูเครน ก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐฯ *** ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเดือนก.ย. ปรับตัวสูงกว่าคาด ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายลงทุนของภาคธุรกิจยังแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้ สำนักงานสถิติ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมถึงสินค้ากลุ่มป้องกันประเทศ และไม่รวมเครื่องบิน ซึ่งถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 0.9% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนส.ส.ค. ตามการปรับทวนข้อมูล ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้น ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 216,000 ราย หลังปรับตามฤดูกาลแล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นโดยรอยเตอร์สคาดการณ์ว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรวม 225,000 รายในช่วงดังกล่าว *** ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผย รายงานเศรษฐกิจ Beige Book ชี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยรวมยังคงลดลง เว้นแต่ในกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง ขณะที่การจ้างงานลดลงเล็กน้อย ด้านราคาสินค้าเพิ่มขึ้นปานกลาง โดยผู้ให้ข้อมูลบางส่วนตั้งข้อสังเกตถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในเดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้ผลิตบางส่วนยังมองเชิงบวก *** ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำปี 2026 เพิ่มขึ้น โดยยกระดับราคาเป้าหมายจาก 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็น 4,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยให้เหตุผลว่ากระแสเงินลงทุนเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่อุปสงค์จากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ธนาคารคาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีหน้า จะอยู่ที่ระดับ 3,950–4,950 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยช่วงบนของกรอบดังกล่าว สูงกว่าราคาสัญญาทองคำล่วงหน้าบน COMEX งวดส่งมอบเดือนธ.ค. 2026 อยู่ราว 14% *** ความเป็นไปได้ที่เควิน แฮสเซตต์ (Kevin Hassett) ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว จะขึ้นเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่ ยังซ่อนความกังวลว่า แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยที่เขาสนับสนุนอยู่นั้น อาจกดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งสอดคล้องใกล้ชิดกับความคาดหวังต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย มีการขยับลงสั้น ๆ เมื่อตลาดเริ่มให้น้ำหนักแฮสเซตต์มากขึ้น ก่อนจะดีดตัวกลับในเวลาต่อมา ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐและฟิวเจอร์สดอกเบี้ยเฟดแทบไม่ขยับ โดยตลาดยังคงให้น้ำหนัก 83% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. ตามข้อมูลจาก CME FedWatch *** รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขยายเวลายกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการ ออกไปอีก 1 ปี รวมถึงอุปกรณ์สำหรับการผลิตสินค้าโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสงบศึกทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ที่บรรลุเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าภายใต้มาตรา 301 ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งรอบแรก เพื่อกดดันจีนเกี่ยวกับประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การยกเว้นภาษีดังกล่าวได้รับการขยายมาเป็นระยะ ๆ ตลอดช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา และมีกำหนดหมดอายุในวันที่ 29 พ.ย. นี้ แต่ฝั่งสหรัฐฯ ตัดสินใจต่ออายุออกไป *** China Vanke ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ยื่นขอเลื่อนการชำระคืนเงินต้นพันธบัตรภายในประเทศเป็นครั้งแรก สร้างความประหลาดใจต่อตลาดและเพิ่มความกังวลว่า รัฐบาลจีน อาจไม่พร้อมอุ้มผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ตามเอกสารที่ยื่นต่อศูนย์รับชำระหลักทรัพย์ของเซี่ยงไฮ้ China Vanke กำลังขอเลื่อนการจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรวงเงิน 2,000 ล้านหยวน (ราว 283 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่จะครบกำหนดวันที่ 15 ธ.ค. โดยบริษัทจะจัดประชุมผู้ถือพันธบัตรในวันที่ 10 ธ.ค. เพื่อหารือข้อเสนอดังกล่าว *** New World Development ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฮ่องกง ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแทนของภาคอสังหาฯ ที่มีปัญหาหนี้รุงรัง ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากผู้ถือพันธบัตรต่อแผน Debt swap หลังครบกำหนดส่งคำเสนอซื้อรอบ Early Bird ครั้งที่ 2 นักลงทุนยื่นเสนอขายพันธบัตร Perpetual bond รวมมูลค่า 185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรแบบ Regular notes อีก 39.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในกำหนดเสนอซื้อรอบที่ 2 ซึ่งปิดไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. โดยบริษัทซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะชะลอตัวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งฮ่องกงและจีน กำลังเผชิญแรงกดดันด้านหนี้สินอย่างต่อเนื่อง การสลับหนี้ครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามล่าสุดในการบรรเทาความตึงตัวด้านสภาพคล่องที่สั่งสมมาหลายปี *** ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok กำลังอยู่ระหว่างการหารือเพื่อขายบริษัทพัฒนาเกม Shanghai Moonton Technology Co. ให้แก่ Savvy Games Group ซึ่งตั้งอยู่ในซาอุดีอาระเบีย โดยการเจรจาดังกล่าว ถือเป็นการรื้อฟื้นแผนขาย Moonton ซึ่ง ByteDance เคยพับไว้เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ ByteDance เทคโอเวอร์ Moonton ในปี 2021 ด้วยมูลค่าประเมินราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 
*** รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ แห่งญี่ปุ่น มีแผนออกพันธบัตรใหม่จำนวนมาก เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุน ในแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจชุดล่าสุด ซึ่งยิ่งทำให้ความกังวลต่อฐานะการคลังและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทวีความชัดเจนมากขึ้น โดยงบประมาณเพิ่มเติมของรัฐบาล จะต้องพึ่งพาการออกพันธบัตรเพิ่มอย่างน้อย 11.5 ล้านล้านเยน (ราว 73,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่กระทรวงการคลังประเมินว่า รายได้ภาษีของปีงบประมาณนี้ จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 80.7 ล้านล้านเยน คาดว่าเกินดุลราว 3 ล้านล้านเยน ซึ่งรัฐบาลสามารถนำมาช่วยลดความจำเป็นในการกู้ยืมบางส่วนได้ โดยคาดว่าคณะรัฐมนตรี จะอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมดังกล่าวในวันศุกร์นี้ *** กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับการจัดประเภทระบบอัตราแลกเปลี่ยนของอินเดีย โดยระบุว่าเป็น “crawl-like arrangement” ในรายงานประจำปี ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสถานะเดิมที่ถูกจัดว่าเป็น “stabilized” หรือระบบทรงตัว ซึ่งตามนิยามของ IMF ระบบ Crawling peg คือการปรับค่าเงินเป็นระยะ ๆ ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสะท้อนความแตกต่างของอัตราเงินเฟ้อระหว่างประเทศกับคู่ค้า IMF ระบุในรายงาน Article IV ว่า ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) “แทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนบ่อยครั้ง” โดยให้เหตุผลว่าต้องการควบคุมความผันผวนที่มากเกินไปของค่าเงินรูปี *** คณะรัฐมนตรีอินเดีย อนุมัติโครงการส่งเสริมการผลิตวงเงิน 72,800 ล้านรูปี (ราว 815 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมแม่เหล็กแร่หายาก (Rare earth magnet) ในประเทศ เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาจีนอย่างจริงจัง โดยรัฐมนตรีเทคโนโลยีของอินเดีย ระบุว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแม่เหล็กแร่หายากภายในประเทศ และสร้างกำลังการผลิตให้ได้ 6,000 เมตริกตันต่อปี อินเดีย ถือเป็นหนึ่งในหลายประเทศ ที่เร่งเสริมศักยภาพตนเองในห่วงโซ่อุปทานแม่เหล็กแร่หายาก หลังจากจีนครองส่วนแบ่งการผลิตมากขึ้น 90% ประกาศจำกัดการส่งออกเมื่อเดือนเม.ย. ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกเข้าถึงวัตถุดิบสำคัญได้ยากมากขึ้น *** Meta Platforms ออกโรงวิจารณ์หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหภาพยุโรป (EU antitrust regulators) โดยระบุว่าคำขอข้อมูลจำนวนมากในระหว่างการสอบสวน 2 คดีเมื่อ 4 ปีก่อน มีสถานะเป็น “Aberrant” หรือผิดปกติและเกินความจำเป็น สะท้อนแรงต้านที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเทคโนโลยีต่อข้อกำกับที่พวกเขามองว่าไม่เป็นธรรมและล่วงล้ำเกินเหตุ Meta เคยเปรียบการขอข้อมูลของ EU ว่าเหมือนเรืออวนลากที่จับทุกอย่างแบบไร้ขอบเขต พร้อมระบุว่าประเด็นสำคัญคือ หน่วยงานกำกับดูแลมีอำนาจถึงระดับไหน และมีการตรวจสอบถ่วงดุลโดยกระบวนการยุติธรรมที่เพียงพอหรือไม่ *** นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดา แถลงว่า รัฐบาลจะเพิ่มมาตรการสนับสนุนเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กและไม้ของประเทศ ในการรับมือกับภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น โดยระบุว่า รัฐบาลได้เพิ่มมาตรการคุ้มครองแรงงานในอุตสาหกรรมเหล็กและไม้ด้วยเช่นกัน ซึ่งภายใต้นโยบายใหม่ แคนาดาจะลดโควตานำเข้าเหล็กจากประเทศที่ไม่มีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ลงเหลือ 20% จากระดับ 50% ของปริมาณนำเข้าในปี 2024 ขณะที่ประเทศที่มี FTA กับแคนาดาจะถูกลดโควตาลงเหลือ 75% จากระดับ 100% ของปี 2024 โดยไม่รวมสหรัฐฯ และเม็กซิโกซึ่งอยู่ภายใต้ข้อตกลง USMCA *** อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลีย เร่งตัวขึ้นในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 3.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์สำรวจไว้ที่ 3.6% ปัจจัยหลักที่ผลักดันเงินเฟ้อคือหมวดที่อยู่อาศัย ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.9% นำโดยต้นทุนค่าไฟฟ้า ค่าเช่า และราคาบ้านใหม่ โดยค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้นถึง 37.1% ในเดือนต.ค. หลังครัวเรือนใช้วงเงินส่วนลดค่าไฟจากภาครัฐจนหมด *** สื่อสหรัฐฯ หลายสำนักรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนพร้อมเดินหน้าแผนกรอบสันติภาพที่สหรัฐฯ สนับสนุน ซึ่งมีเป้าหมายยุติสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย แม้รายละเอียดสำคัญหลายประเด็นยังต้องเจรจากันต่อไป โดยหลายสื่ออ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่ายูเครน “ตกลง” กับกรอบสันติภาพนี้แล้ว แต่ยังมีบางประเด็นที่ยังต้องจัดการให้เรียบร้อย ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวกับกลุ่มประเทศพันธมิตรว่า ยูเครนพร้อมเดินหน้าตามกรอบสันติภาพดังกล่าว ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงว่า “ผมคิดว่าเราเข้าใกล้ข้อตกลงมากขึ้นแล้ว เราจะรู้กัน ผมคิดว่าเรากำลังก้าวหน้า เหลือเพียงไม่กี่ประเด็นที่ยังเห็นต่างกันอยู่” *** Nvidia ระบุว่า เทคโนโลยีของบริษัทล้ำหน้ากว่าอุตสาหกรรมหนึ่งเจเนอเรชัน เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของนักลงทุนว่าความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ของบริษัทอาจถูกท้าทายจากชิป AI ของ Google โดยบริษัทระบุว่า “เรายินดีกับความสำเร็จของ Google พวกเขาก้าวหน้าอย่างมากด้าน AI และเรายังคงเป็นซัพพลายเออร์ให้ Google ต่อไป” พร้อมเสริมว่า “Nvidia นำหน้าอุตสาหกรรมอยู่หนึ่งเจเนอเรชัน เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รองรับทุกโมเดล AI และทำงานได้ทุกที่ที่มีการประมวลผล” 
|