ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผยรายงานเศรษฐกิจ Beige Book บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยรวมยังคงลดลง เว้นแต่ในกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนการจ้างงานลดลงเล็กน้อย ด้านราคาสินค้าเพิ่มขึ้นปานกลาง เฟดระบุว่า การจ้างงานลดลงเล็กน้อย ขณะที่ราคาสินค้าและบริการยังปรับเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แม้บางธุรกิจแสดงความกังวลว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวในช่วงเดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้ผลิตบางส่วนยังมีมุมมองเชิงบวก รายงานฉบับนี้อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารกลางระดับเขตทั้ง 12 แห่ง ที่เก็บรวบรวมจนถึงวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเฟดสาขาดัลลัสเป็นผู้รวบรวมข้อมูลทั้งหมด หลายเขตรายงานตรงกัน ได้แก่ นิวยอร์ก แอตแลนตา และมินนิอาโปลิส ว่าการใช้จ่ายกลุ่มผู้มีรายได้สูงยังคงแข็งแกร่ง แต่การใช้จ่ายของครัวเรือนรายได้ปานกลางถึงต่ำเริ่มอ่อนแรงลง สะท้อนรูปแบบการฟื้นตัวแบบ “K-Shape” ที่แตกต่างชัดเจนระหว่างผู้มีรายได้สูงและผู้มีรายได้น้อย การใช้จ่ายของกลุ่มรายได้สูงยังไม่ถูกจำกัด แต่กลุ่มปานกลางถึงระดับล่างเริ่มรัดเข็มขัดมากขึ้น” 
ทิศทางข้อมูลในรายงานดังกล่าวมีทั้งส่วนที่สนับสนุนทั้งฝ่ายที่ต้องการตรึงดอกเบี้ย และฝ่ายที่ต้องการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยความเห็นของกรรมการเฟดยังคงแตกต่างกันอยู่ ขณะเดียวกัน แม้จะมีการประกาศเลิกจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่หลายเขตรายงานว่าบริษัทเลือกใช้วิธีชะลอการจ้างงานเพิ่ม และปล่อยให้อัตราการลาออกเป็นไปตามปกติ แทนการปลดพนักงานโดยตรง ขณะที่ต้นทุนธุรกิจ ยังคงได้รับแรงกดดันจากภาษีนำเข้า โดยเฉพาะในภาคการผลิตและค้าปลีก ซึ่งหลายบริษัทระบุว่า ภาษีส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นและกระทบต่ออัตรากำไร อย่างไรก็ตาม บางรายกล่าวว่า ราคาสินค้ากลับลดลงตามอุปสงค์ที่อ่อนตัว หรือจากการชะลอหรือปรับลดภาษีบางรายการ โดยเฟดระบุว่า แนวโน้มต้นทุนมีโอกาสปรับขึ้นต่อไป แต่แผนการขึ้นราคาสินค้าของธุรกิจในระยะใกล้ยังมีความหลากหลาย ด้านค่าจ้างแรงงานโดยรวม ยังคงสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด แต่ภาคการผลิต ก่อสร้าง และสาธารณสุข ยังเห็นแรงกดดันค่าจ้างในระดับปานกลาง โดยบริษัทจัดหางานในเขตฟิลาเดลเฟียรายงานว่า นโยบายด้านผู้อพยพที่เข้มงวดจนทำให้แรงงานใหม่เข้าสหรัฐฯ ลดลงมาก กดดันให้นายจ้างปรับค่าจ้างสูงขึ้นเพื่อแข่งขันแย่งแรงงานที่มีจำกัด ทั้งนี้ รายงานส่วนใหญ่ถูกรวบรวมในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการ (จนถึง 12 พ.ย.) โดยผู้ค้าปลีกบางส่วนระบุว่า ภาวะชัตดาวน์ส่งผลลบต่อยอดขาย นอกจากนี้ องค์กรสังคมระบุว่า ความต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากการจ่ายสวัสดิการ SNAP เกิดความล่าช้าในช่วงรัฐบาลปิดทำการ ที่มา Bloomberg 
|