ญี่ปุ่น กำลังเผชิญกระแสโครงการสมัครใจลาออกและเกษียณก่อนกำหนดครั้งใหญ่ โดยบริษัทขนาดใหญ่ ตั้งแต่ Panasonic Holdings ไปจนถึง Japan Display เดินหน้าปรับสมดุลโครงสร้างแรงงานสูงวัย ควบคู่ไปกับการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ข้อมูลจาก Tokyo Shoko Research Ltd. ระบุว่า ณ วันที่ 10 พ.ย. มีพนักงานรวม 11,045 คน ที่ถูกเสนอชื่อให้เข้าร่วมโครงการเกษียณก่อนกำหนดในกลุ่มบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 โดยมากกว่า 90% อยู่ในบริษัทที่จดทะเบียนในกระดาน Prime Market ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า อาหาร ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องจักร โครงการเหล่านี้ มุ่งเป้าไปที่พนักงานอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากระบบการจ้างงานตลอดชีพแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยสถานการณ์การปลดพนักงานเกิดขึ้นท่ามกลางปัจจัยเชิงโครงสร้าง ได้แก่ อัตราการเกิดที่ลดลง ประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น และอายุขัยที่ยืนยาวกว่าเดิม แม้หลายบริษัทจะเริ่มขยายอายุเกษียณเป็นอย่างน้อย 65 ปี แต่ก็ยังไม่ใช่มาตรฐานทั่วไป ขณะที่บางบริษัทกลับเลือกผลักดันให้มีการออกจากงานก่อนกำหนด เพื่อรองรับแผนปรับโครงสร้างองค์กรในวงกว้าง 
หลายบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Mitsubishi Electric Corp., Mitsubishi Chemical Group Corp. และ Meiji Holdings Co. ต่างนำเสนอแพ็กเกจเกษียณก่อนกำหนดแก่พนักงานสูงอายุ เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงานที่ตึงตัวและเริ่มให้ความสำคัญกับการเคลื่อนย้ายงานของคนวัยกลางคนมากขึ้น ชินทาโร อิวาอิ นักเศรษฐศาสตร์จาก Dai-ichi Life Research Institute กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจแบบเดิม ๆ ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป” พร้อมระบุว่า บริษัทต่าง ๆ กำลังมุ่งตัดงานที่ซ้ำซ้อน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แรงกดดันจากนักลงทุนเชิงรุกและตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ทำให้หลายบริษัทต้องเร่งเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ผ่านการลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่ทำกำไรได้ โดยมีถึง 28 จาก 41 บริษัท ที่มีโครงการเกษียณก่อนกำหนดในปีนี้ และรายงานผลกำไร โดย 77% ของจำนวนพนักงานที่ถูกปรับลดมาจากบริษัทที่มีผลกำไรเหล่านั้น นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Meiji และ Olympus Corp. ก็รวมอยู่ในกลุ่มที่เดินหน้าปรับลดพนักงาน แม้จะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม ที่มา Bloomberg 
|