*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 60.48 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.6% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) ปิดที่ 64.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.8% ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันพุธ หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงปัจจัยหนุนจากท่าทีเชิงบวกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับจีนที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งช่วยคลายความกังวลทางเศรษฐกิจ *** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง แห่งเกาหลีใต้ สรุปรายละเอียดข้อตกลงการค้าในการประชุม APEC เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยคณะผู้ช่วยของประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวว่า ผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เห็นชอบให้เกาหลีใต้สามารถแบ่งเงินลงทุนที่ให้คำมั่นไว้ 350,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนก.ค. ออกเป็น 200,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งจะทยอยลงทุนเป็นงวด และจำกัดเพดานไว้ที่ 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ส่วนอีก 150,000 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือจะนำไปลงทุนด้านการต่อเรือ ซึ่งเกาหลีใต้ให้คำมั่นว่าจะช่วยทรัมป์ฟื้นฟูอุตสาหกรรมนี้ ทางด้านทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ มีกำหนดหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ในเวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้ในวันนี้ *** ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อย่างไม่เป็นเอกฉันท์ สู่ระดับ 3.75%-4.00% และเป็นการลดครั้งที่สองในปีนี้ พร้อมส่งสัญญาณยุติการลดขนาดงบดุล เนื่องจากมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสภาพคล่องในตลาดเริ่มตึงตัว ด้านเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เตือนนักลงทุนให้เลี่ยงการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนธ.ค. โดยระบุในช่วงต้นของการแถลงข่าว "การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค. ยังห่างไกลจากความแน่นอน" ซึ่งความเห็นของพาวเวลล์เป็นการส่งสัญญาณเพื่อคุมความคาดหวังในตลาดการเงิน *** ดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ทำลายสถิติอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ โดยทำสถิติสูงสุดระหว่างวันไปแล้วถึง 16 ครั้ง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการมุมมองเชิงบวกอต่อบริษัทด้านชิปที่ได้อานิสงส์จากกระแส AI และการปฏิรูปธรรมาภิบาลองค์กรครั้งใหญ่ การปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งนี้ทำให้ดัชนีทะลุระดับ 4,000 จุด โดยเพิ่มขึ้นไปแล้วเกือบ 21% เฉพาะในเดือนต.ค. เพียงเดือนเดียว และพุ่งขึ้นกว่า 72% ในปีนี้ โชว์ฟอร์มเหนือกว่าดัชนีอื่น ๆ ในภูมิภาค ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น 26% และดัชนี CSI 300 ของจีนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 19% *** Meta Platforms บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram รายงานรายได้ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 26% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ถูกบดบังจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 32% ส่งผลให้หุ้นร่วง 8% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่า จะมีค่าใช้จ่ายด้านทุนสูงขึ้นอย่างชัดเจนในปีหน้า เนื่องจากการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนานใหญ่เพื่อขับเคลื่อนโครงการด้าน AI ของบริษัท 
*** Nvidia สร้างปรากฎการณ์ใหม่อีกครั้ง กลายเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นอย่างแข็งแกร่ง ตอกย้ำถึงสถานะของบริษัทในฐานะศูนย์กลางของกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สำคัญของโลก *** ค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ของบริษัท Microsoft เพื่อตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นนั้นสูงเกินความคาดหมายของวอลล์สตรีท ทำให้นักลงทุนกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับต้นทุนในการรักษาสถานะด้าน AI ของบริษัท โดยค่าใช้จ่ายด้านทุนของ Microsoft สูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 35,000 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปีงบการเงิน และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งสวนทางจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะลดลง *** Google เผยธุรกิจโฆษณาและคลาวด์คอมพิวติ้งทำรายได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีแรงหนุนจากความต้องการ AI ที่แข็งแกร่ง ช่วยหนุนผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด แม้จะมีกระแสความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่ AI ที่กำลังก่อตัว แต่บริษัทก็ได้เพิ่มคาดการณ์ค่าใช้จ่ายด้านทุนสำหรับปีนี้ มาอยู่ที่ระหว่าง 91,000 ล้าน – 93,000 ล้านดอลลาร์ *** General Motors (GM) เผยเตรียมลดกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ พร้อมทั้งลดตำแหน่งงานในโรงงานผลิต EV ในดีทรอยต์ ลง 1,200 ตำแหน่ง และอีก 550 ตำแหน่งที่โรงงานแบตเตอรี่ในรัฐโอไฮโอ หลังพบว่า อุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์จากดีทรอยต์รายนี้ยังกล่าวว่าจะหยุดผลิตเซลล์แบตเตอรี่ชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่เดือนม.ค. ปีหน้า ที่โรงงานแบตเตอรี่ร่วมทุนสองแห่งในสหรัฐฯ (ในรัฐเทนเนสซีและโอไฮโอ) และจะพักงานพนักงานที่โรงงานแบตเตอรี่ดังกล่าว ประมาณ 1,550 คนเป็นการชั่วคราวด้วย *** แหล่งข่าววงในเผยว่า OpenAI กำลังเตรียมแผนเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ซึ่งอาจมีการประเมินมูลค่าบริษัทสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ และอาจเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ แหล่งข่าวบางรายกล่าวว่า OpenAI กำลังพิจารณายื่นเอกสารต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์เร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 โดยในการหารือเบื้องต้น บริษัทเล็งระดมทุนต่ำสุดที่60,000 ล้านดอลลาร์ หรืออาจมากกว่านั้น อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า การหารือยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และแผนการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงตัวเลขและช่วงเวลา อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับการเติบโตทางธุรกิจและภาวะตลาด *** กองทัพอิสราเอลกล่าวเมื่อวันพุธ (29 ต.ค.) ว่า จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในดินแดนดังกล่าวระบุว่า การโจมตีทางอากาศได้คร่าชีวิตผู้คนไป 104 ราย โดยทั้งอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่างโทษอีกฝ่ายว่า ละเมิดข้อตกลงดังกล่าว โดยอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศ ในกาซาเมื่อช่วงดึกวันอังคาร เพื่อตอบโต้หลังจากการโจมตีของนักรบปาเลสไตน์ทำให้มีทหารเสียชีวิตหนึ่งนาย ซึ่งถือเป็นความท้าทายล่าสุดต่อข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางอยู่แล้ว 
|