ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตนเองจะไม่เข้าร่วมการชี้แจงด้วยวาจาในการพิจารณาคดีของศาลสูงสุดซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยการพิจารณาคดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการร้องเรียนของกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับความชอบธรรมของมาตรการภาษีศุลกากรที่ประกาศใช้ไป

ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ มีกำหนดรับฟังการโต้แย้งคดีภาษีในวันพุธนี้ (5 พ.ย.) ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า แม้เขาอยากไปมาก แต่ไม่ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นจุดสนใจและเบี่ยงเบนความสำคัญของคดีนี้ “ผมอยากไปมากจริง ๆ แต่ผมไม่อยากทำให้ความสำคัญของคำตัดสินนี้ถูกกลบไป ผมไม่อยากให้ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ผม เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของผม แต่เป็นเรื่องของประเทศเรา”

การพิจารณาในวันพุธนี้ จะเป็นบททดสอบสำคัญต่อหนึ่งในมาตรการที่สะท้อนการใช้อำนาจฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างชัดเจนที่สุด นั่นคือการประกาศใช้ภาษีศุลกากรต่อนานาชาติทั่วโลก ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของทรัมป์ โดยศาลสูงสุด ตกลงรับคำอุทธรณ์จากกระทรวงยุติธรรม ต่อคำพิพากษาของศาลล่าง ที่ตัดสินว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการออกภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ตามกฎหมายปี 1977 ที่ชื่อว่า International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ซึ่งมาตรการดังกล่าวถูกบริษัทเอกชนและ 12 รัฐในสหรัฐฯ ยื่นฟ้องร้อง

ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่า การใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือสร้างความสมดุลทางการค้าโลก โดยชี้ว่าหลายประเทศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราสูงมาอย่างยาวนาน พร้อมชี้ว่า “ถ้าเราไม่มีภาษีศุลกากร เราก็ไม่มีความมั่นคงแห่งชาติ และประเทศอื่นจะหัวเราะเยาะได้ เพราะพวกเขาใช้ภาษีศุลกากรเล่นงานเรามานานหลายปีแล้ว” พร้อมย้ำว่ามาตรการภาษีดังกล่าว ช่วยเพิ่มรายได้ให้รัฐบาลและดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งทำสถิติสูงสุดหลายครั้ง

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราถูกประเทศอื่นเอาเปรียบมานาน รวมถึงจีนด้วย แต่ตอนนี้ไม่อีกแล้ว ภาษีศุลกากรนำมาซึ่งความมั่นคงอย่างมหาศาลให้กับประเทศของเรา”

ที่มา Reuters