LPN เผยกำไร Q3/68 บวก 7.46% แตะ 49.57 ลบ. รับอัตรากำไรเพิ่มหลังเพิ่มมูลค่า-ความน่าสนในสินค้า พร้อมปรับลดต้นทุนโครงการที่ไม่ติดภาระลง ด้าน 9 เดือนกำไร 82.30 ลบ.
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทอยู่ที่ 49.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ ปีก่อนที่มีกําไรสุทธิ 46.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 7.46% และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีกําไรสุทธิ 12.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 302.97%
ขณะที่ผลประกอบการสะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกําไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 82.30 ล้านบาท ลดลงจาก 226.10 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นลดลง 63.60% จากรายได้รวมที่ลดลง 20.11%
โดยรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 1,698.20 ล้านบาท ลดลงจาก 2,192.96 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน หรือ ลดลง 22.56% แต่เพิ่มขึ้นจาก 1,520.25 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนเป็นจํานวน 177.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 11.71%
ขณะที่รายได้รวมในงวด 9 เดือนแรกอยู่ที่ 4,750.55 ล้านบาท ลดลงจาก 5,977.59 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือลดลง 20.53%

สําหรับรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,005.95 ล้านบาท ลดลง 35.43% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีการส่งมอบโครงการใหม่ ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท และมียอดขายในขณะนั้นประมาณร้อยละ 30 ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ไม่มีโครงการอาคารชุดส่งมอบใหม่จึงทําให้ รายได้ลดลง
ในส่วนของ 9 เดือนแรกรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 2,780.60 ล้านบาท ลดลง 32.03% จากเหตุผลข้างต้น รายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการ อยู่ที่ 90.72 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ลดลง 5.81% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมไปถึงลดลง 3.83% จากไตรมาสก่อนหน้า สืบเนื่องมาจากการขายทรัพย์สินให้เช่าออกไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และการเพิ่มทรัพย์สินให้เช่า น้อยกว่าทรัพย์ที่บริษัทขายออกไป
ในขณะที่รายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการอยู่ที่ 601.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.79% จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตขึ้น 11.16% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการขยายงานรับเหมาและควบคุมงานก่อสร้าง
อัตรากําไรขั้นต้นรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 21.54% เพิ่มขึ้นจาก 18.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มมูลค่าและความน่าสนในสินค้า และปรับลดต้นทุนโครงการที่ไม่ติดภาระลง สําหรับอัตรากําไรขั้นต้นรวมสําหรับงวด 9 เดือนแรกอยู่ที่ 21.18% เพิ่มขึ้นจาก 20.36% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากไม่มีการขายเหมาจํานวนมาก แต่ส่งผลให้ยอดขายลดลงด้วย เช่นเดียวกัน

|