คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ลงมติรับรองร่างมติที่สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอ เพื่อสนับสนุนแผนยุติสงครามในพื้นที่ฉนวนกาซาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมให้อำนาจจัดตั้งกองกำลังนานาชาติ เพื่อสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ อิสราเอลและฮามาสตกลงที่จะเดินหน้าตามร่างมติ 20 ข้อในช่วงเฟสแรก ซึ่งประกอบด้วยการหยุดยิงในสงครามที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปี และการแลกเปลี่ยนตัวประกัน แต่การรับรองจาก UNSC ครั้งนี้ ถูกมองว่ามีความสำคัญต่อการให้ความชอบธรรมแก่คณะผู้บริหารในช่วงเปลี่ยนผ่าน รวมถึงสร้างความมั่นใจแก่ประเทศต่าง ๆ ที่กำลังพิจารณาส่งทหารเข้ามายังพื้นที่ ร่างมติกำหนดว่า รัฐสมาชิกสามารถเข้าร่วมคณะกรรมการสันติภาพ ซึ่งมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่เป็นองค์กรบริหารชั่วคราว ดูแลการฟื้นฟูและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของฉนวนกาซา อีกทั้งมติในที่ประชุมครั้งนี้ยังให้อำนาจจัดตั้งกองกำลังนานาชาติ เพื่อสร้างเสถียรภาพ ซึ่งมีภารกิจปลดอาวุธในกาซา รวมถึงการรื้อถอนอาวุธและทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร อย่างไรก็ตาม ฮามาสออกแถลงการณ์ย้ำว่าจะไม่ปลดอาวุธ โดยให้เหตุผลว่าการต่อสู้กับอิสราเอลเป็นการต่อต้านที่ชอบธรรม ซึ่งอาจทำให้เกิดการปะทะกับกองกำลังนานาชาติที่ได้รับอำนาจตามมติ UN โดยฮามาสระบุว่า “มติดังกล่าวเป็นการกำหนดกลไกผู้ปกครองจากต่างชาติในฉนวนกาซา ซึ่งประชาชนและกลุ่มต่าง ๆ ของเราไม่ยอมรับ” 
ทางด้านไมค์ วอลทซ์ (Mike Waltz) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำ UN กล่าวว่า มติดังกล่าวซึ่งแนบแผน 20 ข้อของประธานาธิบดีทรัมป์ไว้ด้วยนั้น “เป็นเส้นทางที่อาจนำไปสู่การกำหนดอนาคตตนเองของชาวปาเลสไตน์ ที่ซึ่งการสู้รบจะถูกแทนที่ด้วยสันติภาพ และเปิดโอกาสทางการเมืองร่วมกัน ซึ่งจะทำลายอิทธิพลของฮามาส และทำให้กาซาลุกขึ้นจากเงาแห่งการก่อการร้าย กลับมามีทั้งความมั่งคั่งและความมั่นคง” ด้านรัสเซียซึ่งมีสิทธิยับยั้งในคณะมนตรีฯ เคยแสดงท่าทีคัดค้าน แต่สุดท้ายงดออกเสียง ทำให้มติผ่านไปได้ ขณะที่จีนก็เลือกงดออกเสียงเช่นกัน โดยทั้งเอกอัครราชทูตรัสเซียและจีน วิจารณ์ว่ามติดังกล่าวไม่ได้ระบุบทบาทที่ชัดเจนของสหประชาชาติในอนาคตกาซา ขณะที่ฝ่ายทางการปาเลสไตน์ ออกแถลงการณ์ตอบรับมติดังกล่าว พร้อมระบุว่าพร้อมเข้าร่วมดำเนินการตามแผน ขณะที่นักการทูตระบุว่า การสนับสนุนมติจากฝ่ายปาเลสไตน์เมื่อสัปดาห์ก่อน มีบทบาทสำคัญที่ทำให้รัสเซียเลี่ยงการวีโต้ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความยินดีผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุว่าเป็น “ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง” พร้อมระบุว่าจะมีการประกาศรายชื่อสมาชิกคณะกรรมการสันติภาพและการประกาศอื่น ๆ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยมติดังกล่าวจุดกระแสถกเถียงในอิสราเอล เนื่องจากมีถ้อยคำที่อ้างถึงความเป็นไปได้ของการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต ทั้งนี้ เนื้อหาในมติระบุว่า “เงื่อนไขต่าง ๆ อาจปูทางไปสู่การกำหนดอนาคตตนเองและการมีรัฐของชาวปาเลสไตน์” เมื่อฝ่ายปาเลสไตน์ดำเนินการปฏิรูป และการบูรณะกาซามีความคืบหน้า นอกจากนี้ ยังระบุว่า สหรัฐฯ จะตั้งเวทีหารือระหว่างอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ เพื่อสร้างข้อตกลงทางการเมือง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” ที่มา Reuters 
|