Alibaba Group รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 โดยระบุว่ารายได้จากธุรกิจคลาวด์เติบโตแข็งแกร่ง 34% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ช่วยชดเชยแรงกดดันจากกำไรที่ร่วงแรง หลังบริษัททุ่มงบจำนวนมาก ทั้งการจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นผู้บริโภคและการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อรองรับการแข่งขันในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) ธุรกิจคลาวด์ ซึ่งมีแพลตฟอร์ม Qwen รวมอยู่ด้วย ช่วยผลักดันให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 5% แตะ 247,800 ล้านหยวน (35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่รายได้จากอีคอมเมิร์ซในจีนเพิ่มขึ้น 16% สะท้อนว่า Alibaba ยังรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ในสมรภูมิที่มีคู่แข่งอย่าง JD.com และ Meituan แม้การแข่งขันที่ดุเดือดทำให้ส่วนต่างกำไรหดตัว และกำไรสุทธิถูกฉุดลงราวครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้หุ้นอาลีบาบาในตลาดสหรัฐฯ ร่วงกว่า 2% ผลประกอบการของ Alibaba ออกมาในช่วงที่ตลาดเริ่มตั้งคำถามว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้น จะสร้างผลกำไรจริงหรือไม่ โดย เอ็ดดี อู๋ ซีอีโอ ปฏิเสธความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณฟองสบู่ AI ในช่วง 3 ปีข้างหน้า พร้อมย้ำแผนเดินหน้าลงทุนเชิงรุก เพื่อแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทเร่งเปิดตัวโมเดล AI หลายรุ่นในปีนี้ และเพิ่งปรับปรุงแอป Qwen เวอร์ชันมือถือ ที่ตั้งเป้าท้าชน ChatGPT โดยสามารถดึงผู้ใช้ได้ 10 ล้านรายภายในระยะเวลา 4 วัน นับเป็นหนึ่งในแอป AI จีนที่ขยายฐานผู้ใช้ได้รวดเร็วมากที่สุด 
คำกล่าวของซีอีโอบริษัท สะท้อนทิศทางที่แตกต่างจากความวิตกก่อนหน้านี้ของโจ ไช่ (Joe Tsai) ประธานบริษัท ที่เคยเตือนว่าบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ทั่วโลก เช่น Amazon, Microsoft และ Meta ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์มากเกินไปจนเสี่ยงอุปสงค์ชะลอตัวในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จะเติบโตแข็งแกร่งเหนือคาด แต่กำไรสุทธิไตรมาสนี้ ลดลงเหลือ 20,990 ล้านหยวน สะท้อนภาระค่าใช้จ่ายจากส่วนลดราคาสินค้า การทำโปรโมชัน และต้นทุนการพัฒนา AI ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แม้บริษัทเทคโนโลยีจีน จะรับแรงเทขายหุ้น AI ได้ดีกว่าบริษัทตะวันตกเพราะงบลงทุนยังไม่สูงนัก แต่ Alibaba เป็นข้อยกเว้น โดยประกาศลงทุน 380,000 ล้านหยวนในช่วง 3 ปี มากกว่าคู่แข่งในประเทศ เช่น Tencent ที่ใช้เงินลงทุนเพียงประมาณ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสล่าสุด ทั้งนี้ Qwen มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ด้านแผนที่ ช้อปปิง ท่องเที่ยว และการศึกษา เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มแบบครบวงจร ขณะที่บริษัทต้องรับมือการแข่งขันจากผู้เล่นจีนรายใหญ่อื่น ๆ เช่น Doubao ของ ByteDance ที่มีผู้ใช้งานกว่า 172 ล้านรายต่อเดือน Yuanbao ของ Tencent ที่มีแผนใช้ WeChat เป็นฐานผู้ใช้ และสตาร์ทอัพอย่าง DeepSeek ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานในจีนยังไม่พร้อมที่จะจ่ายค่าบริการ AI รายเดือน ทำให้โมเดลรายได้ยังไม่ชัดเจนมากนัก ทื่มา Bloomberg 
|