ราคาแร่หายากยังคงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะมีการทำข้อตกลงผ่อนคลายความตึงเครียด ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในประเด็นเกี่ยวกับการส่งออกแร่หายากแล้วก็ตาม โดยตัวเลขจาก Argus Media ระบุว่า ราคาดิสโพรเซียมในยุโรป อยู่ที่ 910 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม สูงกว่าระดับก่อนที่จีนจะเริ่มจำกัดการส่งออกในปีนี้ มากกว่า 3 เท่า ขณะที่ราคาเทอร์เบียมอยู่ที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 4 เท่าของช่วงดังกล่าว โดยสินแร่ทั้ง 2 ชนิด ซึ่งใช้เพื่อเพิ่มความทนทานต่อความร้อนในแม่เหล็กสำหรับมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า ต่างทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่บันทึกข้อมูลเมื่อเดือนพ.ค. 2015 จีน เริ่มใช้มาตรการควบคุมการส่งออกสินแร่หายาก 7 ประเภทในเดือน เม.ย. รวมถึงดิสโพรเซียมและเทอร์เบียม ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ต.ค. จีน ได้ประกาศข้อจำกัดเพิ่มเติมครอบคลุมการกำหนดให้สินค้าที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนประกอบของสินแร่หายากจากจีน แม้จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย ก็ต้องยื่นขอใบอนุญาตส่งออก ประกาศดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลว่า จีนอาจเดินหน้าควบคุมการส่งออกเข้มงวดมากขึ้นอีก แต่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. จบลงด้วยมติระงับข้อจำกัดชุดใหม่เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ ยกเลิกการเก็บภาษีเพิ่มเติม 100% ที่เดิมมีกำหนดมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ย. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่า ราคาแร่หายากยังมีแรงกดดันด้านต้นทุนอยู่สูงและยากจะปรับตัวลดลงในระยะใกล้ 
ซวี่เหลียน ลี่ นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบัน Marubeni ระบุว่า การผ่อนปรนข้อจำกัดดังกล่าว น่าจะเป็นผลจากการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ–จีน และคาดว่าจีนจะให้ความสำคัญกับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนประเทศอื่น แต่ต้องใช้เวลาในการคลายความกังวลด้านอุปทานของประเทศปลายทางอื่น ๆ ดังนั้นราคาสินแร่หายากจึงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ขณะที่เอลลี่ ซัคลัตวาลา หัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการด้านโลหะของ Argus Media ระบุว่า ปริมาณการส่งออกสินแร่หายากของจีนล่าสุด ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ทำให้ผู้ขายยังคงสามารถตั้งราคาได้สูง ขณะที่ตลาดแกลเลียม ซึ่งเป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ก็เผชิญสถานการณ์คล้ายกัน โดยข้อมูลจากสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ชี้ว่า จีนผลิตแกลเลียมมากถึง 99% ของปริมาณทั่วโลกในปีที่ผ่านมา โดยจีนเริ่มจำกัดการส่งออกแกลเลียมตั้งแต่ปี 2023 ก่อนเริ่มควบคุมสินแร่หายาก และในเดือน ธ.ค. ปีเดียวกัน ยังประกาศห้ามส่งออกแกลเลียมไปยังสหรัฐฯ โดยตรง โดยหลังการประชุมสุดยอดล่าสุด จีนได้ประกาศระงับคำสั่งห้ามส่งออกแกลเลียมในปี 2024 เป็นเวลา 1 ปี แต่หลายฝ่ายคาดว่ามาตรการจำกัดการส่งออก ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2023 ยังคงมีผลต่อเนื่อง และข้อจำกัดต่อประเทศอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐฯ ก็ยังมีแนวโน้มดำเนินต่อไปเช่นกัน ราคาของแกลเลียมยังคงพุ่งขึ้น โดยราคาอ้างอิงในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ เมื่อ 27 พ.ย. อยู่ที่ 1,325 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นราว 2.3 เท่าจากต้นปี และเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลในปี 2002 ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีนที่กลับมาคุกรุ่นอีกครั้งยังสร้างความกังวลเช่นกัน หลังจากที่ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ตอบคำถามในประเด็นไต้หวัน จนนำไปสู่กระแสตอบโต้อย่างรุนแรงจากจีน โดยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายนึกถึงเหตุการณ์ปี 2010 ที่นำไปสู่การระงับส่งออกสินแร่หายากไปยังญี่ปุ่น ที่มา Nikkei Asia 
|