
ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 (3Q/68) ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารทั้ง 11 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 73,708 ล้านบาท เติบโตขึ้น 13.83% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 11.27% จากไตรมาสก่อน
ปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงดังกล่าว โดยภาพรวมเป็นเพราะมีกำไรจากเงินลงทุน ประกอบกับ รายได้ค่าธรรมเนียมบางประเภทมีการเติบโตขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และธุรกิจกองทุน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากสภาวะตลาดการเงิน และตลาดทุน
นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังได้รับแรงหนุนจากการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ดีขึ้น อีกทั้ง ส่วนใหญ่มีการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงจากปีก่อน แม้บางธนาคารจะมีการตั้งสำรองฯด้วยความระมัดระวังก็ตาม
ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่มีการอัปเดตข้อมูลหลังหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 เสร็จสิ้น พบมี 7 หุ้น (ข้อมูลเฉพาะหุ้นที่มีบทวิเคราะห์อัปเดต) ในกลุ่ม ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 และราคาเหมาะสมขึ้น ประกอบด้วย
7 หุ้นแบงก์ ถูกอัปเป้ากำไร – ราคาเป้าหมาย หลังงบฯ 3Q/68 ดีเกินคาด | |||
ชื่อย่อหุ้น | บล. | กำไรปี 68 (ลบ.)[ประมาณการเดิม (ลบ.)] | ราคาเหมาะสม (บ.)[ราคาเดิม (บ.)] |
KBANK | คิงส์ฟอร์ด | 50,661[48,125] | 182 |
ดาโอ | 50,470 | 195 | |
พาย | 50,338 | 186 | |
กรุงศรี | 50,297 | 205 | |
อินโนเวสท์ฯ | 49,832 | 190 | |
เอเซีย พลัส | 49,630 | 173 | |
บัวหลวง | 49,562 | 170 | |
หยวนต้า | 48,853 | 190 | |
KTB | ดาโอ | 48,761 | 30 |
กรุงศรี | 48,520 | 30 | |
อินโนเวสท์ฯ | 47,950 | 28 | |
บัวหลวง | 46,156 | 28 | |
หยวนต้า | 45,991 | 28 | |
เอเซีย พลัส | 44,870 | 28.50 | |
ทรีนีตี้ | 43,831 | 27.50 | |
BBL | อินโนเวสท์ฯ | 48,703 | 178 |
ดาโอ | 48,599 | 177 | |
กรุงศรี | 48,447 | 180 | |
หยวนต้า | 47,998 | 176 | |
บัวหลวง | 47,781 | 180 | |
เอเซีย พลัส | 45,300 | 179 | |
พาย | 45,020 | 158 | |
SCB | พาย | 48,142 | 146 |
เอเซีย พลัส | 47,844 | 140 | |
ดาโอ | 47,763 | 150 | |
บัวหลวง | 47,313 | 130 | |
หยวนต้า | 45,435 | 132 | |
คิงส์ฟอร์ด | 45,354 | 133 | |
TTB | หยวนต้า | 21,149 | 2.20 |
พาย | 20,474 | 2 | |
บัวหลวง | 20,269 | 1.80 | |
อินโนเวสท์ฯ | 20,162 | 2 | |
TISCO | อินโนเวสท์ฯ | 6,718 | 100 |
พาย | 6,692 | 107 | |
ฟินันเซียฯ | 6,624 | 103 | |
ทรีนีตี้ | 6,554 | 106 | |
บัวหลวง | 6,449 | 95 | |
ดาโอ | 6,426 | 99 | |
หยวนต้า | 6,387 | 103 | |
KKP | ดาโอ | 5,593 | 74 |
เอเซีย พลัส | 5,590 | 69 | |
กรุงศรี | 5,545 | 75 | |
หยวนต้า | 5,540 | 60 | |
พาย | 5,468 | 68 | |
อินโนเวสท์ฯ | 5,444 | 68 | |
บัวหลวง | 5,443 | 60 | |
หมายเหตุ : ข้อมูลเฉพาะหุ้นที่มีบทวิเคราะห์อัปเดทหลังงบฯ 3Q/68 | |||
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ขึ้นจากเดิมมากที่สุดระหว่าง 7.66 - 24.22% เป็น 5,443 - 5,593 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.21 - 11.19% จากปีก่อน
ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 4 - 19 บาท/หุ้น เป็น 60 - 75 บาท/หุ้น เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาดถึง 33% ตามรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตสูงกว่าคาดถึง 33% จากไตรมาสก่อน หลังมีกำไรจากการตีมูลค่าเงินลงทุนผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL) จำนวน 663 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 168% ประกอบกับ รายได้ค่าธรรมเนียมตลาดทุนฟื้นตัว
รองลงมา คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ขึ้นจากเดิมอีก 0.05 - 17.51% เป็น 45,020 - 48,703 ล้านบาท ชะลอตัว 0.42% - เติบโตขึ้น 7.72% จากปีก่อน ส่วนราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิม 8 - 50 บาท/หุ้น เป็น 158 - 180 บาท/หุ้น
ปัจจัยหลักที่ทำให้โบรกเกอร์ปรับเพิ่มประมาณการ BBL ขึ้น เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาดไว้ถึง 27% หลัง BBL มีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมากกว่าคาด โดยเติบโตขึ้น 36% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 33% จากไตรมาสก่อน ตาม FVTPL และรายได้ค่าธรรมเนียมบริการที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ BBL ยังลดลง 5% จากปีก่อน ประกอบกับ มีการตั้งสำรองฯลดลง 9% จากไตรมาสก่อน หลังคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น สะท้อนจาก Gross NPL ที่ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน
ขณะเดียวกัน ยังมีธนาคารพาณิชย์อีก 2 แห่ง ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ขึ้นจากเดิมมากกว่า 10% หลังผ่านการรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 นำโดย ธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิขึ้นจากเดิมอีก 2.97 - 15.68% เป็น 43,831 - 48,761 ล้านบาท ชะลอตัว 0.05% - เติบโตขึ้น 11.18 จากปีก่อน ส่วนราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิม 0.50 - 4 บาท/หุ้น เป็น 27.50 - 30 บาท/หุ้น
ปัจจัยที่ทำให้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ปรับประมาณการ KTB ขึ้น เพราะกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) รายไตรมาสที่ 14,600 ล้านบาท และยังดีกว่าตลาดคาดไว้ 6% ด้วย หลังการตั้งสำรองฯในงวดดังกล่าวอยู่ที่ 1.09% ลดลงจากปีก่อน และไตรมาสก่อนที่เคยอยู่ในระดับ 1.24%
อีกทั้ง ณ สิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา อัตราส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวมลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.88% เทียบกับสิ้นเดือน มิ.ย.68 อยูที่ระดับ 2.94% สาเหตุหลักเป็นเพราะการจัดประเภทใหม่ของลูกค้าองค์กรในอุตสาหกรรมการขนส่ง ทำให้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของ KTB ในไตรมาส 4/68 มีแนวโน้มปรับลงต่อเนื่อง
ด้าน บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ถูกนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิขึ้นจากเดิมอีก 2.71 - 12.15% เป็น 45,354 - 48,142 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3.21 - 9.55% จากปีก่อน ส่วนราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิม 10 - 16.50 บาท/หุ้น เป็น 130 - 150 บาท/หุ้น
หลัก ๆ เป็นเพราะกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาดไว้ถึง 12% เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตขึ้น 7.7% จากไตรมาสก่อน สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง หลังได้อานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของกำไรเงินลงทุน ทั้งในส่วนเงินลงทุนของธนาคาร และการลงทุนของ SCB10X อีกทั้ง รายได้ค่าธรรมเนียมยังปรับตัวขึ้น จากธุรกิจ Wealth Management และค่าธรรมเนียมธนาคาร
ทั้งนี้ มีธนาคารพาณิชย์อีก 3 แห่ง ที่หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ถูกโบรกเกอร์ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ขึ้นจากเดิมอีก 1 - 8% ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิขึ้นจากเดิมอีก 1.99 - 8.25% เป็น 48,853 - 50,661 ล้านบาท ชะลอตัวลง 0.29% - เติบโตขึ้น 3.39% จากปีก่อน ส่วนราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิม 8 - 35 บาท/หุ้น เป็น 170 - 205 บาท/หุ้น
เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาดไว้ถึง 16% หลังรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตขึ้น 8% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 14% จากไตรมาสก่อน อีกทั้ง กำไร FVTPL ดีกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเติบโตขึ้น 8% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน
ฟาก บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ถูกนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิขึ้นจากเดิมอีก 1.36 - 6.58% เป็น 6,387 - 6,718 ล้านบาท ชะลอตัวลง 2.65 - 7.44% จากปีก่อน ส่วนราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิม 2 - 8 บาท/หุ้น เป็น 95 - 107 บาท/หุ้น
ปัจจัยหลักเป็นเพราะกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาดไว้ 4% หลังรายได้ดอกเบี้ย (NIM) เติบโตขึ้น 15 bps เป็นผลจากการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวจากการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดของลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง ประกอบกับ รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตขึ้น 2% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน อีกด้วย
ส่วน ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ถูกนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิขึ้นจากเดิมอีก 1.34 - 5.53% เป็น 20,162 - 21,149 ล้านบาท ชะลอตัวลง 4.48% - เติบโตขึ้น 0.18% จากปีก่อน ส่วนราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิม 0.08 - 0.10 บาท/หุ้น เป็น 1.8 - 2.2 บาท/หุ้น
สาเหตุหลักเป็นเพราะกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาดไว้ 8% หนุนจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโต 7.4% จากไตรมาสก่อน ตามค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุนฟื้นตัวขึ้น หลังรวม TNS เข้ามาในงบรวม และทำ Cross Selling บนฐานลูกค้าของธนาคาร บวกกับกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขาย
บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ "เท่ากับตลาด" แม้ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นขาลงซึ่งเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานของกลุ่มไปจนถึงปี 2569 เป็นอย่างน้อย แต่มองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะยังจ่ายเงินปันผลในระดับที่โดดเด่นต่อไปได้ เพราะหลายธนาคารมีการปรับ Div. Payout Ratio ขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น
โดยเลือก KBANK เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะมองว่า KBANK ได้ปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์มาหลายไตรมาส ทำให้ลูกหนี้ Stage2 และ 3 มี NPL ทรงตัว และสามารถทยอยลดการตั้งสำรองฯได้ โดยไม่กระทบกับ Coverage Ratio อีกทั้ง คาดว่า KBANK จะจ่ายเงินปันผล (รวมปันผลพิเศษ) งวดครึ่งหลังปี 2568 ที่อัตรา 10.20 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 6% และปี 2569 คาดอัตราเงินปันผลของ KBANK ยังสูงที่ 7.6%
สอดคล้องกับ บทวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ที่ยังคงคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็น "เท่ากับตลาด" โดยหุ้นเด่นของกลุ่ม คือ KBANK และ KTB เนื่องจากมองว่า เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะจ่ายเงินปันผลในระดับสูง