ดูบราฟโก ลาโกส–บูยัส (Dubravko Lakos-Bujas) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดโลกของเจ.พี.มอร์แกน (J.P. Morgan) ระบุว่า ดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มปิดปลายปี 2026 ที่ระดับ 7,500 จุด โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งและวัฏจักรซูเปอร์ไซเคิล ที่ขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับ 6,765.89 จุดในวันอังคารที่ผ่านมา (25 พ.ย.) ซึ่งหาก S&P 500 ปิดปีหน้าแตะระดับที่ 7,500 จุดได้จริง จะสะท้อนการปรับขึ้นราว 10.9% จากระดับปัจจุบัน ถือเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับค่ามัธยฐานเป้าหมายสิ้นปี 2026 ที่ระดับ 7,490 จุด จากผลสำรวจนักกลยุทธ์หุ้นครั้งใหม่ของรอยเตอร์ รายงานคาดการณ์ซึ่งเผยแพร่เมื่อคืนวันอังคารระบุว่า กรอบคาดการณ์ดังกล่าว ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ก่อนจะหยุดคงอัตราดอกเบี้ยไว้เป็นเวลานาน ทั้งนี้ หากเฟดผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าที่คาด ดัชนี S&P 500 มีโอกาสทะยานขึ้นเหนือระดับ 8,000 จุดในปี 2026 ทีมวิจัยของลาโกส-บูยาสระบุว่า “สหรัฐฯ ยังคงเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก” พร้อมคาดว่า อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทในดัชนี S&P 500 จะอยู่ที่ 13–15% ต่อปี อย่างน้อยในช่วง 2 ปีข้างหน้า ขณะที่ข้อมูลของ LSEG ชี้ว่านักวิเคราะห์คาดกำไรปี 2026 จะเติบโต 14.3% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่ AI และมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป แต่ทีมเจพีมอร์แกนมองว่า ระดับมูลค่าปัจจุบัน สะท้อนความคาดหวังที่เหมาะสมต่อการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว การเร่งลงทุนด้าน AI การเพิ่มการจ่ายผลตอบแทนผู้ถือหุ้น และแนวโน้มการคลังที่ผ่อนคลายมากขึ้น ที่มา Reuters 
|