FSMART โชว์ 9 เดือนปี 68 กำไรสุทธิ 448 ลบ.เพิ่มขึ้น 44.5% กวาดรายได้ 2,014 ลบ.โต 11.6% ธุรกิจสินเชื่อ “บุญเติม” พอร์ตแตะ 1,500 ลบ.รับรู้ส่วนแบ่งกำไร “เต่าบิน” ยอดขายเพิ่ม ปลายปีเร่งขยายลูกค้าองค์กรใหม่ เตรียมเปิดบริการจำหน่ายสลาก กอช.ต้นปี 69 พร้อมขยายสถานีชาร์จ EV “GINKA Charge Point” ครอบคลุมทั่วไทย นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) “FSMART” ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร “บุญเติม” และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “GINKA Charge Point” ภายใต้วิสัยทัศน์ “นวัตกรรมที่ยั่งยืนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 2,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% และมีกำไรสุทธิ 448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,804.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 309.9 ล้านบาท 
โดยการเติบโตหลักมาจากผลการดำเนินการของบริษัทย่อย โดยเฉพาะ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท แคปปิตอล จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อ “บุญเติม เงินพร้อมใช้” ครอบคลุมสินเชื่อเงินสด สำหรับใช้อุปโภคบริโภค และสินเชื่อเงินสดสำหรับซื้อโทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อเกษตรสุขใจทวีคูณ สำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้าง 1,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.3% จากปีก่อน (NPL 3.3%) ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยรวมเพิ่มขึ้น 219.5% ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นในบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด 26.71% ซึ่งบริหารธุรกิจเครื่องดื่มอัตโนมัติ “เต่าบิน” โดยมีจำนวนตู้ให้บริการเพิ่มรวมกว่า 7,500 ตู้ทั่วประเทศ มียอดขายรวม 1,539.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงินอัตโนมัติ หรือ "ตู้บุญเติม" ที่บริษัทยังคงรักษายอดการใช้บริการผ่านตู้บุญเติมด้วยการเพิ่มบริการ และเจาะกลุ่มลูกค้าต่างด้าวเพิ่มเติม ประกอบกับตู้ที่หมดค่าเสื่อมราคายังคงติดตั้งและให้บริการได้อยู่ ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจเติมเงินยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าการทำรายการกว่า 26,382 ล้านบาท จากจำนวนตู้ที่ให้บริการ 117,536 ตู้ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ทั้งการเพิ่มบริการเติมอินเทอร์เนต เติมเงิน E Walet และขยายบริการทางการเงินรองรับแรงงานต่างด้าวที่มีแนวโน้มใช้งานที่เติบโต เช่นเดียวกับ ธุรกิจเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า “GINKA Charge Point (กิ้งก่า อีวี)” ที่ปัจจุบันติดตั้งแล้ว 496 หัวชาร์จ ในทำเลสำคัญทั่วประเทศ ทั้งคอนโดมิเนียม คาเฟ่ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศ และร้านค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะเครื่องชาร์จ DC ขนาด 40 กิโลวัตต์รุ่นใหม่ ที่เริ่มทยอยเปิดให้บริการและได้รับความนิยมสูง เพราะชาร์จได้เร็วกว่า AC ถึง 3 เท่า “แม้ในไตรมาส 3 เป็นช่วง Low Season รวมทั้งพอร์ตสินเชื่อขยายตัวไม่มากเพราะเน้นควบคุม NPL แต่บริษัทยังทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสสุดท้ายของปีบริษัทจะเพิ่มลูกค้าใหม่อีก 1 องค์กร ซึ่งจะช่วยผลักดันพอร์ตสินเชื่อให้ใกล้เคียง 1,700 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มธุรกิจอื่นที่ยังเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตรวมปีนี้ไว้ที่ 10–15% ”นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว สำหรับแนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569 บริษัทจะขับเคลื่อนการเติบโตของ 3 ธุรกิจหลัก โดยธุรกิจบริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจรเตรียมเพิ่มลูกค้าองค์กรใหม่ 1 รายในไตรมาส 4 และอีก 1–2 รายในปี 2569 พร้อมขยายพันธมิตรทางธุรกิจอีก 1–2 กลุ่ม รวมถึงเพิ่มการเป็นตัวแทนธนาคารจาก 8 เป็น 9 ธนาคาร และเตรียมเปิดบริการโอนเงินข้ามประเทศในไตรมาส 1 ปี 2569 ขณะที่ธุรกิจเติมเงิน–รับชำระเงินอัตโนมัติยังคงให้บริการกว่า 110,000 ตู้ทั่วประเทศ รองรับผู้ใช้งานกว่า 14 ล้านเบอร์ และล่าสุดได้รับความไว้วางใจจากกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ให้เป็นช่องทางจำหน่าย–ชำระเงิน “สลาก กอช.” เพื่อส่งเสริมการออมของคนไทย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ต้นปี 2569 ซึ่งจะช่วยผลักดันมูลค่าการทำรายการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ยังเดินหน้าขยายสถานีชาร์จ GINKA EV ทั้งระบบ AC และ DC โดยเฉพาะเครื่องชาร์จ DC ขนาด 40 กิโลวัตต์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ปัจจุบันติดตั้งและเปิดให้บริการแล้วกว่า 20 เครื่อง และอยู่ระหว่างการติดตั้งเพิ่มเติมในทุกระบบเพื่อให้ได้ 1,000 หัวชาร์จตามเป้าหมาย ทั้งนี้ บริษัทมีโมเดลการลงทุนแบบครบวงจร เพื่อสนับสนุนผู้ที่ต้องการเปิดสถานีชาร์จโดยไม่ต้องลงทุนเอง เพื่อเร่งขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาระบบ “Auto Charge” ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จรถได้ทันทีหลังลงทะเบียนครั้งแรก โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลซ้ำหรือดาวน์โหลดแอป ซึ่งช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอย่างมาก ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มอัตโนมัติ “เต่าบิน” ยังคงทำตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังประสบความสำเร็จจากเมนูใหม่และแก้วลายพิเศษที่ได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภค เช่น การคอลแลบกับคาแรกเตอร์ยอดนิยมและคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นต้น ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาด อีกทั้ง จะขยายจุดติดตั้งตู้รุ่นใหม่ “ตู้เต่าปั่น” ที่ต่อยอดจากตู้ชงสดอัตโนมัติ โดยใช้ผลไม้ไทยตามฤดูกาล เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทย รวมทั้งจะพัฒนาตู้เครื่องดื่มอัจฉริยะเพิ่มเติม เช่น ตู้โซดา และตู้น้ำแข็งอัตโนมัติ เพื่อสร้างระบบธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรของกลุ่มเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต 
|