สหภาพแรงงาน THAI ทำจดหมายถึงประธานบอร์ด คัดค้านการแต่งตั้ง 3 บอร์ดใหม่ หลังขาดความเชื่อมั่นในการที่จะเข้าบริหารกิจการ เป็นผู้มีคุณสมบัติน่าเคลือบแคลงสงสัย หวั่นเกิดปัญหาซ้ำรอยอีก นางสาวบุษกร กุนอก ประธานสหภาพแรงงานการบินไทย (TAU) ลงนามในหนังสือถึงประธานกรรมการ บริษัทการบินไทย จํากัด (มหาชน) หรือ THAI คัดค้านการแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการบริษัทฯ ว่า ด้วยปรากฏผลชัดเจน ปราศจากข้อโต้แย้งใดๆแล้วว่า ตลอดเวลานับสิบปีที่ผ่านมาบริษัท ประสบปัญหาอุปสรรคนานาประการในการบริหารจัดการธุรกิจการบินที่ต้องแข่งขันระดับโลกตามความมุ่งหมายของการจัดตั้งสายการบินเพื่อสนองประโยชน์ของชาติ การขาดทุนสะสมต่อเนื่องยาวนาน ทั้งจากความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง การกําหนดนโยบายที่ทําให้การบินไทยเสียโอกาส ขาดประสิทธิภาพในการแข่งขันจนในที่สุดต้องนําบริษัทฯเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลาง พิสูจน์ชัดแล้วว่าคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งมีอํานาจหน้าที่กําหนดนโยบายควบคุมให้การจัดซื้อจัดจ้าง โปร่งใส สุจริต ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถเพียงพอ ไม่เข้าใจ ไม่รอบรู้ในสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง และการดําเนินธุรกิจการบินที่ต้องการความฉับไวทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง ปัจจัยสําคัญที่กําหนดความสําเร็จในการทําให้สายการบินของชาติสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก คือ คณะกรรมการบริษัทชุดใหม่จะต้องแตกต่างจากอดีต กล่าวคือต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถเพียงพอ กับธุรกิจการบิน ต้องบริหารงานได้โดยอิสระ ปราศจากการครอบงําจากผู้มีอํานาจทางการเมือง ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ในด้าน “ความสําเร็จ” ไม่ใช่ประสบการณ์ในด้าน “ความล้มเหลว” ต้องไม่เป็นบุคคลที่เคยมี ส่วนทําให้บริษัทฯเสียหาย และต้องเป็นผู้มีเวลา มีความสนใจติดตามพัฒนาการของธุรกิจการบินโลก พร้อม ทุ่มเททํางานให้บริษัทฯอย่างเต็มที่ และต้องเป็นที่ยอมรับของนักลงทุน ตลาดทุน และสังคมโดยรวม จึงจะ เป็นสัญญาณชี้วัดที่พนักงาน ผู้ถือหุ้นและประชาชนคนไทยจะเชื่อมั่นได้ว่าจะไม่ "ซ้ำรอยอดีต" 
ความสําเร็จในการฟื้นฟูกิจการผ่านไปด้วยความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกระดับ แม้จะต้อง แลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสของพนักงานทุกคนที่ต้องอดทนและเสียสละ พนักงานมากกว่าหมื่นคน จําต้องยอมสูญเสียหน้าที่การงาน มีผลกระทบต่อชีวิตของพนักงานและครอบครัว ด้วยความหวังว่า สายการบินของชาติจะต้องรอด และ กลับมาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยได้ดังเดิม ขณะที่คณะกรรมการ บริษัทฯที่เป็นเหตุแห่งความล้มเหลวไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ
เพื่อความสงบเรียบร้อยและความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะไม่กลับไปสู่สภาพก่อนการฟื้นฟู ด้วยเหตุผลดังกล่าว สหภาพแรงงานการบินไทย จึงขอให้ระงับการสรรหา และแต่งตั้งบุคคลต่อไปนี้เป็นกรรมการบริษัทฯ 1. นายวัชรา ตันตริยานนท์ อดีตประธานบริหารความเสี่ยง กรรมการบริหารฯ และ กรรมการ สรรหา เป็นผู้มีบทบาทสําคัญในช่วงเวลาที่บริษัทขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จนต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ จึงปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการนําพาให้บริษัทฯมาถึงจุดตกต่ําที่สุดไม่ได้ อีกทั้งในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารออมสิน ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯและพนักงานทุกคนอยู่ในสภาวะยากลําบาก กลับปล่อยให้ ธนาคารออมสินหักกลบลบหนี้กองทุนบําเหน็จพนักงานไปมากกว่า 2,000 ล้านบาท บริษัทฯ ไม่มีเงินจ่าย บําเหน็จ จําเป็นต้องฟ้องคดีธนาคารออมสิน ใช้เวลาหลายปีสู้คดีจนถึงขั้นศาลฎีกา จึงได้เงินคืนเพื่อจ่ายให้ พนักงานเมื่อปี 2567 พนักงานอยู่ในสภาพที่ลําบากมากอยู่แล้ว ยังถูกซ้ําเติมโดยธนาคารของรัฐ แสดงการ ขาดเมตตาธรรมที่กรรมการบริษัทฯควรมีต่อพนักงาน 2. นางชาริตา ลีลายุทธ อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารสายการบินไทยสมายล์ ซึ่งมีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด ในปี พ.ศ. 2561 ขาดทุน 2,602 ล้านบาท และในปีพ.ศ. 2562 ขาดทุน 112 ล้านบาท ตัวเลขการขาดทุนที่ลดลงเพราะการบินไทยมีนโยบายรับประกันรายได้ให้แก่ไทยสมายล์ จึงเป็นการโอนการขาดทุนให้การบินไทย ทั้งยังสร้างความขัดแย้งแตกแยกระหว่างการบินไทยและไทยสมายล์ ด้วยการดําเนินธุรกิจที่ขาดการประสานนโยบายด้านการตลาดและทําการบินทับเส้นทาง ความล้มเหลวในการบริหารนี้ ทําให้ในที่สุดการบินไทยต้องแก้ปัญหาด้วยการควบรวมไทยสมายล์กับการบินไทย เป็นบทพิสูจน์ แล้วว่าการขาดทุนของไทยสมายล์ เป็นผลจากการดําเนินกลยุทธ์ที่ผิดพลาด ซึ่งนางซาริตาฯ ควรต้องรับผิดชอบ และไม่ควรกลับมาเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ตนมีส่วนสร้างความเสียหาย 3. นายวราห์ สุจริตกุล แม้ว่าเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางการเงิน แต่ขณะนี้มีประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า อาจมีความเกี่ยวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมาย ดังนั้นเพื่อมิให้เกิด ความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนและสังคม หรือเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในภายหลัง จึงไม่ควรได้รับการสรรหาและแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัทการบินไทยในช่วงเวลานี้ 
|