เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว (NEC) ถูกจับตาในฐานะเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง ซึ่งจะขึ้นมาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนต่อไป หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เร่งเฟ้นหาผู้นำเฟดคนใหม่ในช่วงโค้งสุดท้ายของกระบวนการสรรหา เจ้าหน้าที่ผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า แฮสเซตต์ถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญที่ประธานาธิบดีทรัมป์รู้จักและให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน และถูกมองว่าเป็นผู้ที่จะนำแนวทางลดดอกเบี้ยเชิงรุกแบบที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการ เข้ามาสู่เฟด ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีต้องการมีอิทธิพลต่อธนาคารกลางมากขึ้น อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเตือนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้นำที่ตัดสินใจแบบคาดเดาได้ยาก ทำให้ทุกอย่างยังไม่ถือว่าเป็นทางการ จนกว่าจะมีการประกาศชื่ออย่างเป็นทางการ โดยโฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ ระบุว่า “ไม่มีใครรู้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะทำอะไร จนกว่าเขาจะทำจริง จับตาดูต่อไป!” ตำแหน่งประธานเฟดถือเป็นกลไกสำคัญที่สุด ที่ประธานาธิบดีสามารถใช้สร้างอิทธิพลเหนือธนาคารกลางได้ โดยประธานาธิบดีทรัมป์เคยแต่งตั้งเจอโรม พาวเวลล์ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในสมัยแรกของตน แต่ภายหลังกลับวิจารณ์พาวเวลล์อย่างหนักว่า ล่าช้าเกินไปในการลดดอกเบี้ย 
แฮสเซตต์สะท้อนมุมมองทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างใกล้ชิด โดยเขาให้สัมภาษณ์เมื่อ 20 พ.ย. ว่า หากเขาเป็นประธานเฟด “ผมจะลดดอกเบี้ยตอนนี้เลย” เพราะข้อมูลเศรษฐกิจชี้ว่า เฟดควรผ่อนคลายนโยบายได้แล้ว อีกทั้งยังโจมตีเฟดว่าปล่อยให้เงินเฟ้อหลุดการควบคุมหลังโควิด-19 โดยข่าวที่แฮสเซตต์เป็นตัวเต็งนั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่า 4% เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน สะท้อนคาดการณ์ว่าการปรับลดดอกเบี้ยอาจผ่อนคลายเร็วกว่าเดิม เฟดกลายเป็นเป้าโจมตีของประธานาธิบดีทรัมป์มาโดยตลอด ซึ่งทรัมป์เคยกล่าวหาพาวเวลล์ว่า “ไร้ความสามารถอย่างยิ่ง” และเคยพูดเล่นปนจริงว่า หากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังไม่ช่วยผลักดันให้ดอกเบี้ยลดลง เขาก็พร้อมจะปลดเบสเซนต์ด้วย โดยเบสเซนต์เป็นผู้รับผิดชอบกระบวนการคัดเลือกประธานเฟดคนใหม่ โดยต้องหาผู้สมัครที่กล้ายืนข้างนโยบายลดดอกเบี้ย พร้อมรักษาความเชื่อมั่นของตลาดการเงินไปพร้อมกัน ก่อนหน้านี้ เฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ต่อเนื่องในเดือนก.ย.และต.ค. แต่เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มมีความคิดเห็นแตกต่างกัน เกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน ทำให้การตัดสินใจเดือนธ.ค. กลายเป็นเรื่องที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การตัดสินใจใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเมื่อ 18 พ.ย. ได้ระบุว่า “ผมคิดว่าผมรู้คำตอบแล้ว” แม้ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ในเดือนก.ย. ประธานาธิบดีทรัมป์เคยบอกว่า ตัวเลือก 3 อันดับแรกคือ แฮสเซตต์, เควิน วอช อดีตผู้บริหารเฟด และคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดคนปัจจุบัน ที่มา Bloomberg 
|