PTTGC รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีผลขาดทุนสุทธิ 2,915 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 85% จากกลุ่ม Vencore เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และการควบคุมค่าใช้จ่าย ส่งผล 9 เดือน ขาดทุนสุทธิลดลงอยู่ที่ 9,098 ล้านบาท บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีผลขาดทุนลดลงอยู่ที่ 2,915.38 ล้านบาท (-0.73 บาท/หุ้น) ขาดทุนลดลง 85% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 19,312.14 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรก มีผลขาดทุนสุทธิ 9,098.70 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 50% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 18,072.42 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 126,836 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากไตรมาส 2/2568 โดยหลักจากราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลง ด้านอุปสงค์ยังอ่อนตัวจากความกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ประกอบกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศด้วยการใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา รายได้จากการขาย ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบที่ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มปิโตรเลียมสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ปรับตัวลดลง 
ค่าใช้จ่ายผันแปรในไตรมาส 3/2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาส 2/2568 เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น หลังจากมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานตามแผนในไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายการผลิตปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 3/2568 จากต้นทุนธุรกิจบริการที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 17 จากกลุ่มบริษัท Vencorex ที่เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 5,147 ล้านบาท ปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 15 สาเหตุหลักมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ที่ปรับตัวลดลงตามปัจจัยตลาดที่ยังคงอ่อนตัวอยู่ใน ไตรมาสนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และโพลิเมอร์มีผลประกอบการปรับลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจาก ราคาเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนเฉลี่ยลดลง จากภาวะอุปทานส่วนเกินและอุปสงค์ที่ยังอ่อนตัว ในขณะที่ราคาวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์โมโนเอทิลีนไกลคอล ซึ่งมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากการที่โรงงานกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตหลังช่วงปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โมโนเอทิลีนไกลคอลที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ผลประกอบการปรับลดลงเล็กน้อยจากปริมาณการขายที่ลดลงตามฤดูกาลของบริษัท allnex แต่มีปัจจัยบวกจากกลุ่มบริษัท Vencorex ที่มีค่าใช้จ่ายคงที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าขณะเดียวกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากส่วนต่างราคาวัตถุดิบแฟตตี้แอลกอฮอล์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นหลัก ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายและมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากสภาวะตลาดภายนอก บริษัทฯ รับรู้รายการพิเศษจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ จากการเปลี่ยนแปลงราคาตามสภาวะตลาด ได้แก่ ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน (Stock loss) และการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (NRV) สุทธิเป็นขาดทุน 109 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 192 ล้านบาท กำไรสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวม 9 ล้านบาท ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุน 273 ล้านบาท 
|