COCOCO มั่นใจผลงานปี 69 กลับมาโตตามปกติ หลังปัญหาน้ำมะพร้าวปลอมในจีนคลี่คลาย - สหรัฐฯ ยกเลิกภาษีน้ำมะพร้าว หนุน ส่วนโรงงานในฟิลิปปินส์เปิด Q3/69 ฟากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงปีหน้าคาดยอดขายโต 50-60% นายวรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่ายอมรับว่าในปี 68 บริษัทฯ เผชิญปัญหาหลายเรื่อง ทั้งภาษีนำเข้า โดนัลด์ ทรัมป์, ตลาดจีนมีสินค้าน้ำมะพร้าวปลอม และวัตถุดิบราคาสูงขึ้นซึ่งบริษัทฯยังผลิตจากน้ำมะพร้าวแท้ 100% ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อาจลดลง อย่างไรก็ตามมองว่าปัญหาทุกอย่างเริ่มคลี่คลายลงและดีขึ้น ซึ่งในปี 69 มีโอกาสที่บริษัทฯ กลับมาเติบโตและทำกำไรได้เป็นปกติเช่นเดิม "เครื่องจักรเราพร้อมแล้ว ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว ส่วนตลาดจีนปีนี้เท่าเดิมแต่ปีหน้าจะขยายได้ ซึ่งเรามองว่าปี 69 ยังมีโอกาสที่ COCOCO จะเติบโต ด้าน Supply วัตถุดิบเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่กลับไปเหมือนปี 67 ซึ่งมองว่าไตรมาส 1-2 ปี 69 คาดว่า GP จะสูงขึ้น และไตรมาส 3-4 ปี 69 โรงงานที่ฟิลิปปินส์เปิดก็จะได้เปรียบด้าน GP ที่มากขึ้น"นายวรวัฒน์กล่าว โดยในช่วงที่ผ่านมามีสถานการณ์โรงงานผลิตน้ำมะพร้าวปลอมแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรีเพื่อส่งออกไปจีน ซึ่งไม่ใช่โรงงานในเครือ COCOCO ยอมรับว่าส่งผลกระทบเกิดการชะลอซื้อจากลูกค้า จากสภาวะตลาดน้ำมะพร้าวที่ปั่นป่วนจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่มองว่าสถานการณ์จะจบได้ภายในสิ้นปีนี้ "สถานการณ์จีน เมื่อกลางปีมีแบรนด์น้ำมะพร้าวออกมาเยอะมาก และมีน้ำปลอมคือน้ำใส่น้ำตาล ซึ่งมีการตรวจจากรัฐบาลจีนและเริ่มปราบปรามเพื่อไม่ให้เสียชื่อในตลาด ส่งผลให้ลูกค้าเราชะลอการสั่งซื้อบ้าง ซึ่งแม้ว่าเราเป็นน้ำมะพร้าวแท้ 100% แต่ตลาดปั่นป่วนแบบนี้ จึงเกิดเหตุการณ์ชะงักงันบ้าง" นายวรวัฒน์กล่าว 
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับข่าวดีจากกรณีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกภาษีน้ำมะพร้าว ส่งผลให้บริษัทฯ มีศักยภาพการเติบโตในประเทศดังกล่าวต่อเนื่องในปี 69 รวมถึงตลาดกะทิมะพร้าวในสหรัฐฯ ยังเติบโตเช่นกัน "ก่อนที่เราจะทราบภาษี 0% สำหรับกลุ่มอาหาร ปกติเราเติบโต 25% อยู่แล้วในสหรัฐฯ ซึ่งจากประเด็นภาษี 0% ทำให้ยอดขายเพิ่มกลับเข้ามา เราคาดว่าในตลาดสหรัฐฯ คงขยายได้มากกว่า 25% ได้" นายวรวัฒน์กล่าว สำหรับโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ ปัจจุบันบริษัทฯ เริ่มก่อสร้างและได้รับใบอนุญาต รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลฟิลิปปินส์แล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายไตรมาส 3/69 ด้านธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 69 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 50-60% รับคำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่อง และอัตรากำไรขั้นต้น 25-26% หลังจากต้นทุนวัตถุดิบอย่างซี่โครงไก่มีแนวโน้มลดลง ส่วนธุรกิจไทยพรีเมียมสตรีทฟู้ด เริ่มทดลองตลาดในประเทศนิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อซ้ำ (Repeat) สะท้อนว่าได้รับการตอบรับที่ดี ทั้ง ไอศกรีม ที่ทำจากผลไม้ไทย ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมครก บ้าบิ่น ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ในไตรมาส 4/68 บริษัทฯ มองว่าตลาดน้ำมะพร้าวทั่วโลกยังมีโอกาสเติบโตประมาณ 5-12% โดยเฉพาะสหรัฐฯ, แคนาดา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, จีน และ ไทย ยังเติบโตค่อนข้างสูง ซึ่งในสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดหลักที่มีมูลค่าสูงมากกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป้าหมายของบริษัทฯ ได้แก่ 1.การเป็นอันดับ1 ด้านการผลิตมะพร้าวเพื่อส่งออกสู่ตลาดโลก2. บริษัทฯ วางเป้าหมายจะเติบโตด้วยเครื่องดื่มประมาณ 20% ในปี 69 และขยายนวัตกรรมเครื่องดื่มตอบรับกับตลาดทั่วโลก 3. พัฒนาและรุกตลาดระดับโลก ซึ่งจะรุกในตลาดที่ยังไม่เข้าถึง 4.เพิ่มศักยภาพการผลิตในโรงงาน 5.ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและยั่งยืน 
|