ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนบวก ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนในวันพุธ (19 พ.ย.) โดยตลาดกลับมารีบาวน์หลังเผชิญกับแรงเทขายในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นก่อนที่ Nvidia จะประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 46,138.77 จุด เพิ่มขึ้น 47.03 จุด หรือ 0.10% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,642.16 จุด เพิ่มขึ้น 24.84 จุด หรือ 0.38% และดัชนีแนสแดค ปิดที่ 22,564.23 จุด เพิ่มขึ้น 131.38 จุด หรือ 0.59% ในการซื้อขายระหว่างวัน ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดช่วงบวกในช่วงสั้น ๆ หลังรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดือนต.ค. แสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายส่งสัญญาณเตือนว่า การลดอัตราดอกเบี้ยต่ำลงอาจทำลายความพยายามในการสกัดภาวะเงินเฟ้อ โดยเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ไปเมื่อเดือนก.ย. และต.ค. ความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่ชะลอตัวยังคงมีอยู่ ก่อนจะมีการเผยแพร่ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือนก.ย. ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย หลังจากเผชิญกับการชัตดาวน์ที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ โดย สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) ระบุว่า รายงานของเดือนต.ค. จะยกยอดไปรวมกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. 
ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งประกาศหลังปิดตลาด ยังถือเป็นบททดสอบแรงขับเคลื่อนตลาดโดย AI ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งสูงทำสถิติใหม่ในปีนี้ ด้านอดัม ซาร์ฮาน ซีอีโอ 50 Park Investments ระบุว่า ตลาดลดความกังวลลงไปมาก เนื่องจาก Nvidia ยืนยันว่าความต้องการ AI ยังคงแข็งแกร่ง หากบรรยากาศการซื้อขายยังคงอยู่ต่อเนื่องจนถึงตลาดปิดในวันพรุ่งนี้ ความอ่อนแรงในตลาดอาจหายไป อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 ยังคงลดลงมากกว่า 3% จากระดับสูงสุดในเดือนต.ค. ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลว่าบริษัทต่าง ๆ จะสามารถสร้างรายได้จากการลงทุนมหาศาลใน AI ได้อย่างไร ด้านความเคลื่อนไหวหุ้นรายตัว พบว่า หุ้น Target ร่วงลง 2.8% หลังจากที่ผู้ค้าปลีกรายงานยอดขายรายไตรมาสลดลงมากกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย ฝั่งหุ้น Walmart ลดลง 0.8% โดยบริษัทมีกำหนดรายงานผลประกอบการก่อนตลาดเปิดทำการในวันพฤหัสบดี ที่มา Reuters 
|