ราคาหุ้นของ Novo Nordisk บริษัทยายักษ์ใหญ่สัญชาติเดนมาร์กพุ่งสูงขึ้น หลังถอนตัวออกจากดีลเข้าซื้อกิจการ Metsera ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนัก ซึ่งนักลงทุนคลายความกังวลลงว่า บริษัทจะไม่ต้องใช้เงินถึง 10,000 ล้านดอลลาร์เข้าซื้อสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ราคาหุ้นของบริษัทได้พุ่งขึ้นถึง 3.8% ในช่วงเปิดตลาดตามเวลาท้องถิ่นของเดนมาร์ก ก่อนย่อตัวลงมาอยู่ที่ 2.80% โดยในปีนี้ ราคาหุ้นของบริษัทร่วงลงถึง 52% หลังจากที่เสียความเป็นผู้นำตลาดให้กับ Eli Lilly & Co. ทั้งนี้ Novo ผู้ผลิตยา Wegovy และ Ozempic ตัดสินใจถอนตัวจากการเข้าประมูลเข้าซื้อกิจการ Metsera เมื่อเช้าวันเสาร์ (8 พ.ย.) หลังจากที่ Pfizer ได้ยื่นข้อเสนอมูลค่าเท่ากับข้อเสนอสุดท้ายของ Novo Nordisk ในการประมูลที่ดุเดือดและดันราคาขึ้นไปจนถึงระดับที่สร้างความกังวลว่า ดีลนั้นอาจแพงเกินไป นอกจากนี้ Metsera ยังเผยว่า ได้รับโทรศัพท์เตือนจากคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหรัฐฯ (FTC) ถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นกับโครงสร้างดีลที่ Novo Nordisk เสนอ 
ทั้งนี้ Pfizer เสนอซื้อ Metsera ในราคา 86.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น สูงกว่าระดับปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 3.69% โดยประกอบด้วยเงินสด 65.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น และสิทธิในการรับเงินเพิ่มอีก 20.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หากบรรลุเงื่อนไขผลประกอบการในอนาคต ขณะที่ราคาหุ้นของ Metsera ร่วงลง 16% สู่ระดับ 70.27 ดอลลาร์ในการซื้อขายนอกเวลาทำการของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ ขณะที่หุ้น Pfizer ขยับขึ้น 0.5% แหล่งข่าวยังระบุว่า Novo Nordisk จะยังคงแสวงหาโอกาสในการควบรวมกิจการในตลาดยารักษาโรคอ้วน เบาหวาน และภาวะโรคร่วม (Comorbidity) ต่อไป โดย Novo มองว่า การเข้าซื้อกิจการ Metsera มีเป้าหมายเพื่อเสริมธุรกิจ มากกว่าเป็นการเข้าซื้อกิจการที่จะเปลี่ยนโฉมองค์กร อีแวน ไซเกอร์แมน (Evan Seigerman) นักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets ให้ความเห็นว่า แม้ยอดขายของ Novo Nordisk จะชะลอตัวลง แต่บริษัทยังมีศักยภาพในการทำข้อตกลงมูลค่า 53,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในระยะใกล้ นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับยารักษาโรคอัลไซเมอร์ รวมถึงการประชุมผู้ถือหุ้นในวันศุกร์เพื่อเลือกคณะกรรมการชุดใหม่ และแผนการเปิดตัวยา Wegovy ในรูปแบบเม็ด ที่มา Bloomberg 
|