ธนาคาร ยูโอบี ยอมรับอยู่ระหว่างศึกษาตั้งบริษัทร่วมทุน JV AMC รับซื้อหนี้ NPL ะร้อมเดินหน้ากลยุทธ์บริหารความเสี่ยงรอบด้าน มุ่งรักษาคุณภาพสินทรัพย์ เน้นสินเชื่อคุณภาพ เร่งพัฒนาระบบป้องกันทุจริตด้วยโมเดล Victim Score ตรวจจับธุรกรรมเสี่ยงแบบเรียลไทม์ ยกระดับมาตรฐาน KYC รับมือเงินสีเทา ด้านพฤติกรรมการเงิน Gen Z ชี้ชัดกล้าลงทุน–รับความเสี่ยงสูง แต่ยังมีปัญหาวินัยทางการเงิน นายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์ มากกว่าการเร่งสร้างรายได้ระยะสั้น มองว่าการเติบโตที่ช้าลงเล็กน้อยแต่คงคุณภาพ จะช่วยผลักดันผลกำไรสุทธิให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในภาวะเศรษฐกิจที่ยังผันผวน 
ธนาคารมีมาตรฐานการจัดการหนี้เสีย (NPL) ที่เข้มงวด โดยแม้ตัวเลข NPL ที่รายงานจะใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม แต่คุณภาพสินทรัพย์จริงกลับดีกว่ามาก โดยเฉพาะในกลุ่มหนี้ค้างชำระ 30 วัน ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรมถึงราว 60% นอกจากนี้ ธนาคารยังคงคัดกรองสินเชื่ออย่างรัดกุม โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งจะไม่ปล่อยกู้ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และเลือกเฉพาะบางจังหวัดเท่านั้น นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารหนี้เสีย (JV AMC) เพื่อพิจารณาเงื่อนไขที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารหนี้ NPL โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย การดำเนินการนี้มุ่งหาทางออกในการจัดการหนี้และลดผลกระทบต่อผลประกอบการ มากกว่าการแสวงหากำไรจากการก่อตั้ง AMC ขณะเดียวกัน ยูโอบียังให้ความสำคัญกับการ ป้องกันการทุจริตและการฟอกเงิน โดยกำลังพัฒนาระบบ Victim Score ซึ่งเป็นโมเดลวิเคราะห์ความเสี่ยงที่ลูกค้าอาจถูกหลอกลวงทางการเงิน ระบบจะตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น การโอนเงินเกินวงเงินปกติ หรือมีการสนทนากับมิจฉาชีพระหว่างทำธุรกรรม หากพบความเสี่ยงสูง ธนาคารจะบล็อกธุรกรรมและโทรยืนยันกับลูกค้าทันที พร้อมมีทีมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ยูโอบียังเดินหน้ายกระดับมาตรฐาน KYC และตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สิน ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อป้องกันเงินสีเทา แม้กระบวนการตรวจสอบที่ละเอียดอาจใช้เวลานาน แต่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมความมั่นคงและความโปร่งใสของระบบธนาคารไทยในระยะยาว สำหรับมุมมองด้านพฤติกรรมทางการเงินของ Gen Z พบว่าคนรุ่นใหม่มีความสามารถสูงในการค้นหาข้อมูลการลงทุนด้วยตนเอง โดยนิยมลงทุนในกองทุนรวมและหุ้นต่างประเทศ Gen Z เติบโตขึ้นในช่วงโควิด-19 จึงให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าการครอบครองสินค้า และกล้าที่จะรับความเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้มีแนวโน้มผิดนัดชำระหนี้สูง เนื่องจากรายได้ไม่แน่นอน และมีพฤติกรรมใช้จ่ายที่เกินตัว 
|