เจพีมอร์แกน เชส ปรับคำแนะนำหุ้นจีน เป็นเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) โดยระบุแนวโน้มโอกาสที่จะทำกำไรในปีหน้า มีสูงกว่าความเสี่ยงขาดทุน แม้หุ้นจีนจะสูญเสียผลตอบแทนไปบางส่วนในปีนี้ แต่ในปีหน้าจะมีปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ทั้งการนำ AI มาใช้, การออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค และการปฏิรูประบบธรรมาภิบาล จึงเป็นจุดเข้าลงทุนที่น่าสนใจ คำปรับคำแนะนำครั้งนี้เกิดขึ้นหลังตลาดหุ้นจีนปรับฐานลงจากระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อราว 1 เดือนก่อน โดยดัชนี MSCI China ลดลง 6.2% ในไตรมาสนี้ ขณะที่ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 1.3% ก่อนหน้านี้ ทีมกลยุทธ์ของธนาคารเจพีมอร์แกน เคยแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นจีน ตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา ดัชนี MSCI China ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 33% เทียบกับการเพิ่มขึ้น 37% ของดัชนีอ้างอิงภูมิภาคเอเชีย 
เจพีมอร์แกนระบุว่า ตลาดหุ้นจีน ยังอยู่ในช่วงต้นของวัฏจักรฟื้นตัว จากภาวะขาลงที่เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2020 ส่งผลให้ระดับมูลค่าซื้อขายยังอยู่ในระดับที่รับได้ และน้ำหนักการลงทุนยังถือว่าเบา เมื่อเทียบกับอดีต อย่างไรก็ดี มุมมองเชิงบวกของเจพีมอร์แกน สวนทางกับมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งประเมินว่าหุ้นจีนจะเข้าสู่ระยะพักฐานในปีหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนและระดับมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างสูง ทีมกลยุทธ์ของเจพีมอร์แกนมองว่า ความเชื่อมั่นต่อจีน ควบคู่ไปกับแรงหนุนจากนโยบายรัฐ สภาพคล่องที่ผ่อนคลาย การปฏิรูประบบธรรมาภิบาล และแนวโน้มเชิงบวกของหุ้นกลุ่ม AI จะช่วยให้ตลาดหุ้นเอเชีย มีโอกาสสร้างผลตอบแทนตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงโดดเด่นในปีหน้า สำหรับดัชนี MSCI Asia ex-Japan เจพีมอร์แกนคาดว่า จะขึ้นสู่ระดับ 1,025 จุดในปีหน้า คิดเป็นการเพิ่มขึ้นราว 15% จากระดับปิดวันพุธ ทั้งนี้ ธนาคารให้น้ำหนัก Overweight ต่อจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และอินเดีย ขณะที่ให้น้ำหนัก Neutral ต่อไต้หวัน และให้น้ำหนัก Underweight ต่ออาเซียน ที่มา Bloomberg 
|