สิงคโปร์ ประกาศปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2025 หลังตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขยายตัวดีกว่าคาดและสูงกว่าประมาณการเบื้องต้น โดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมรายงานว่า GDP ไตรมาส 3 เติบโต 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เร่งขึ้นจากประมาณการเบื้องต้นที่ 2.9% เมื่อเดือนก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลของรอยเตอร์ที่ 4.0% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสหลังปรับตามฤดูกาล เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัว 2.4% จากไตรมาส 2 ด้านกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ (MTI) ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2025 เป็นราว 4.0% จากกรอบเดิมที่ 1.5-2.5% พร้อมประเมินว่า GDP ปี 2026 จะขยายตัวในกรอบ 1.0-3.0% โดยระบุว่าเศรษฐกิจโลกมีความแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะการขยายตัวของประเทศคู่ค้าหลักของสิงคโปร์ในไตรมาส 3 ปี 2025 อย่างไรก็ดี เบห์ สวอน จิน (Beh Swan Gin) ปลัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม มองว่า คาดการณ์ปี 2026 อาจต่ำเกินไป โดยชี้ว่ายังมีความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้า และความไม่แน่นอนของการใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการส่งออกในช่วงที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า แม้อุปสงค์ด้านบริการ AI ยังแข็งแกร่ง แต่การลงทุนอาจชะลอลงได้ หากตลาดทุนอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ 
ด้าน Enterprise Singapore ปรับคาดการณ์การส่งออกสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่น้ำมัน (NODX) ปี 2025 ลงมาอยู่ที่ราว 2.5% จากกรอบเดิมซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ 1-3% โดยคาดว่าความต้องการสินค้าเกี่ยวเนื่องกับ AI และราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูง จะช่วยพยุงการส่งออกในไตรมาส 4 ส่วนปี 2026 คาดว่า สินค้ากลุ่ม NODX จะเติบโตในช่วง 0-2% ขณะที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ซึ่งมีการทบทวนนโยบายในเดือน ต.ค. ตัดสินใจคงท่าทีด้านการเงินไว้เช่นเดิม เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเอ็ดเวิร์ด โรบินสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ MAS ระบุว่า ท่าทีดังกล่าวยังเหมาะสม หลังคาดว่า Output gap จะอยู่ในแดนบวกในปี 2025 ก่อนจะกลับมาใกล้ระดับ 0% ในปีเดียวกัน ปัจจุบัน การส่งออกของสิงคโปร์ไปยังสหรัฐฯ ต้องเผชิญภาษีนำเข้า 10% ซึ่งยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน แต่ภาษีตามภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาษี 100% สำหรับยาที่มีแบรนด์ ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ โดย MAS ชี้ว่ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค และเวชภัณฑ์ คิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ทั้งนี้ ทางการสิงคโปร์เปิดเผยในเดือน ต.ค. ว่า การบังคับใช้ภาษีสำหรับยาถูกเลื่อนออกไป เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ มีเวลาในการเจรจาขอยกเว้นกับทางการสหรัฐฯ เพิ่มเติม ที่มา Reuters 
|