GUNKUL ประกาศงบไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ส่งผล 9 เดือนแรก กำไรโตแตะ 1,309 ล้านบาท พร้อมโชว์ Backlog สะสมสูงถึง 8,000 ล้านบาท พร้อมปันผลระหว่างกาล 0.04 บาท/หุ้น เดินหน้าร่วมประมูลโซลาร์ภาคประชาชน และหลายโครงการใหญ่ แย้มจ่อเซ็นสัญญา PPA เพิ่มอีก 319 เมกะวัตต์ เพิ่มพอร์ตไฟฟ้าสีเขียวเป็น 1,585 เมกะวัตต์ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 457 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 379.40 ล้านบาท เติบโต 20% ส่งผล 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 1,308.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,140.84 ล้านบาท นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า บริษัทมีผลงานที่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ สามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 3 เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 20% เทียบกับปีที่แล้ว และรวมผลกำไรสุทธิ 9 เดือนอยู่ที่ 1,309 ล้านบาท สะท้อนถึงการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจพลังงานสะอาดทั้งโครงการพลังงานลมและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ผนวกกับความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการต้นทุน ภายใต้กลยุทธ์สมการความก้าวหน้า ทั้ง 3 ธุรกิจหลักของบริษัทฯ สามารถสร้างกำไรผลตอบแทนที่ดีตามเป้าหมาย รวมถึงการชนะประมูลโครงการ EPC เข้ามาเพิ่มเติมในไตรมาส 3 ส่งผลให้ฐาน Backlog ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แตะ 8,000 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้ 1,300 – 1,500 ล้านบาท ในไตรมาส 4/68 
โดย 9 เดือนปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,924 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 36.48% คิดเป็นการเติบโต 5.48% เทียบจากปีที่แล้ วซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการบริหารต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยม และมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูง 13.21% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ (Net IBD/E) ต่ำเพียง 0.92 เท่า ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น เป็นเงินในกรอบ 345 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) รวมโดยประมาณ 6.56% โดยจะขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 และวันไม่ได้รับสิทธิ (XD) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 11 ธันวาคม 2568 สำหรับภาพรวมของปี 2568 GUNKUL มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าบนจุดแข็งของธุรกิจพลังงานสะอาดที่ครอบคลุม Value Chain ในทุกจุดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และสร้างการเติบโตต่อเนื่องในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก จึงมอง Quick Big Win เป็นหมุดหมายการเติบโตที่บริษัทฯ มีศักยภาพในการเข้าร่วมในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำที่บริษัทฯ มีความพร้อมและศักยภาพสูงในการเข้าร่วมและขยายการดำเนินธุรกิจในส่วนของโซลาร์ภาคประชาชนได้ทุกมาตรการของรัฐบาลที่มีนโยบายส่งเสริมโครงการโซลาร์ชุมชน เพื่อกระจายการผลิตไฟฟ้าไปสู่ระดับท้องถิ่นที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อไฟฟ้ารวมกว่า 1,500 เมกะวัตต์ ครอบคลุมหลายร้อยชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงโอกาสในการเข้าร่วมและขยายการดำเนินธุรกิจภายใต้การขายไฟฟ้าในรูปแบบ Direct PPA ที่จะเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดใหญ่โดยตรง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนโดยตรงต่อบริษัทฯ ที่จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมในอนาคต สำหรับกลางน้ำ GUNKUL มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะรองรับนโยบายภาครัฐในการขยายศักยภาพระบบไฟฟ้าในพื้นที่ EEC จากประสบการณ์ที่บริษัทได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูแลโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลต์ มูลค่ากว่า 675 ล้านบาท เชื่อมต่อจากบางละมุง ถึงปลวกแดงไปแล้ว และปลายน้ำที่บริษัทฯ เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้กับธุรกิจ B2C ของ GUNKUL จากมาตรการลดหย่อนภาษีโซลาร์ภาคประชาชนสูงสุด 200,000 บาท รวมถึงธุรกิจ New S - Curve ที่มีความคืบหน้าในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อมั่นจะกลายเป็น Engine ในการสร้างการเติบโตในพื้นที่ตลาดใหม่ๆ สำหรับบริษัทฯ จึงสรุปแนวโน้มในแต่ละกลุ่มธุรกิจดังนี้ ● ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียว (Green Power) แนวโน้มภาพครึ่งหลังปีมีทิศทางที่ดี สำหรับ โครงการในประเทศ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะในโครงการ วินด์ฟาร์ม ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา และโซลาร์ฟาร์มก็มีปัจจัยจากแสงแดดที่ดีเช่นกัน โดยบริษัทฯ คาดว่าว่าจะเซ็นสัญญา PPA เพิ่มอีก รวมทั้งสิ้นจำนวน 319 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ บริษัทมีพอร์ตโฟลิโอพลังงานไฟฟ้าสีเขียวเพิ่มเป็น 1,585 เมกะวัตต์ และจะทำให้บริษัทมีโครงการที่กำลังพัฒนาและรอจ่ายไฟรวมกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยจ่ายไฟและรับรู้รายได้ในปีหน้าเป็นต้นไป ในส่วนของโครงการพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่ฟิลิปปินส์ที่อยู่ในขั้นตอนการเจรจาก็มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และต่อยอดความร่วมมือเชิงรุกสำหรับโครงการ Direct PPA ในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมของ GUNKUL สอดรับกับนโยบาย Net Zero ของไทยที่มีการปรับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ● ธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า (EPC) บริษัทฯ ชนะประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มเติมทำให้ มูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งรวมโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลต์ ที่บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ในช่วงครึ่งปีแรก โดยจะเตรียมประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (EPC) ทั้งจากภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐที่จะช่วยเพิ่มการเติบโตด้านรายได้อีก อาทิ โครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำที่เขื่อน โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่ EEC ของกฟผ. นอกเหนือไปจากนั้น ในฝั่งของ โซลาร์รูฟท็อปที่ได้มีการปลดล๊อกเรื่องการขออนุญาต รวมไปถึงการลดหย่อนภาษี ซึ่งเอื้อต่อภาค ประชาชนและธุรกิจ SME ก็คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจโซลาร์ครัวเรือนของบริษัทฯ ที่ให้ดำเนินการอยู่ภายใต้แบรนด์ GRoof ● ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า (Manufacturing) หลังผนึกความร่วมมือกับ SUNGROW ผู้นำด้านอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่โซลูชั่นอันดับ 1 ของโลก โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย บริษัทฯ มีแผนขยายเครือข่ายพาร์ตเนอร์จัดจำหน่ายเชิงรุก โดยจะมุ่งเน้นกลุ่ม เป้าหมายหลักประกอบด้วย Modern Trade ร้านค้าประจำจังหวัด ผู้รับเหมาและบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจพลังงาน ตั้งเป้ากระจายสินค้าเข้าถึงทุกขนาดกำลังการติดตั้งครอบคลุมบ้านเรือน ชุมชน และอุตสาหกรรมทั่วประเทศ รองรับแนวโน้มของตลาดที่เติบโตต่อเนื่องมาตรการโซลาร์ฟาร์มชุมชน และนโยบายลดหย่อนภาษีโซลาร์เซลล์ ความใกล้ชิดกับหลายชุมชนจากโครงการที่ผ่านๆ มาจึงเชื่อมั่นว่า จะสามารถสร้างสร้างประโยชน์และคุณค่า ผลตอบแทนที่ดี ให้กับทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท ในกรอบ 3-5 ปี ในส่วนของงบการลงทุน บริษัทฯ มีการวางแนวทางไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวบนความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอพลังงานสะอาดที่มีอยู่จำนวน 1,585 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตสะสมตามโรดแมปแตะ 2,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570 รวมไปถึงการขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรม New S-Curve ด้าน Green Infrastructure และ Data Center บนเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน ESG และด้วย ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งในประเทศฟิลิปปินส์เพื่อขยายการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ จะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วน 100% คาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ภายในเดือนมกราคม 2569 เป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศฟิลิปปินส์ 
|