OR คาดผลงาน Q4/68 โต รับช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ Mobility - Lifestyle และมาตรการภาครัฐช่วยหนุนกำลังซื้อ ประเมินราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ยปีนี้ที่ระดับ 66-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พร้อมเล็งเปิดตัวพันธมิตรลุยธุรกิจโรงแรมเร็วๆนี้ นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/68 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดี เพราะปกติจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ประกอบกับมีมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ เช่น โครงการเที่ยวดีมีคืนและโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งช่วยสนับสนุนทางอ้อมให้มีการจับจ่ายใช้สอยและส่งผลดีต่อธุรกิจของ OR แม้ว่าจะเห็นมีการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยก็ตาม

ทั้งนี้ประเมินทิศทางราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะไม่ผันผวนมากนัก ซึ่งแนวโน้มอาจปรับตัวขึ้นลงเล็กน้อยในแถวระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ยทั้งปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 66-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 65-66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่แนวโน้มยอดขายปี 69 มองว่าต้องกลับไปดูที่ตัวเลข GDP เพราะปกติแล้วปริมาณขายน้ำมันจะเติบโตตาม GDP ของประเทศ ซึ่งปีหน้าการเติบโตของ GDP ประเทศไทยอาจไม่เยอะมากหรือชะลอตัว จึงอาจสะท้อนให้วอลุ่มฯเติบโตได้เพียง 1% หรือทรงตัวจากปีนี้ โดยหากลงมาที่ตลาดรีเทลจะพบว่าตลาดเริ่มหดตัวแล้วจากการที่มีรถไฟฟ้าเข้ามาจึงทำให้มีการใช้รถไฟฟ้า (EV) มากขึ้น แต่ในส่วนของ OR นั้นปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาด โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ปรับขึ้นมาที่ระดับ 39.7% จากที่เคยต่ำสุดในช่วงไตรมาส 1 ปีก่อนที่ระดับ 35% ขณะที่ด้านตลาดเชิงพาณิชย์ (commercial) พบว่าวอลุ่มฯน้ำมันอากาศยานยังเติบโตต่อเนื่องและเป็นตัวหลักที่ขับเคลื่อนให้ตลาด commercial ยังเติบโต นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่าสำหรับด้านงบลงทุนและแผนการขยายสาขาใหม่ที่ชัดเจนในปีหน้ายังไม่สามารถระบุได้ เพราะอยู่ระหว่างรอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติแผนงานก่อน แต่บริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดรวมกว่า 35,000 ล้านบาท ซึ่งมีแผนในการลงทุนขยายกลุ่มธุรกิจ Lifestyle อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มใหม่และขยายสาขากลุ่มธุรกิจเดิมที่มีอยู่ รวมถึงเปิดโอกาสรับแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาเสริมกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ของบริษัท ประกอบกับกลุ่มธุรกิจ Mobility ก็มีการลงทุนเพื่อเสริมเครือข่ายให้แข็งแกร่งและปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันเดิมให้สวยงามมีมาตรฐาน รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศในกลุ่มธุรกิจที่ยังมีโอกาสอยู่ โดยสรุปรวมการลงทุนของบริษัทมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมคาดว่าจะมีดีลที่สำเร็จเกิดขึ้นในปี 69 หลังปัจจุบันอยู่ระหว่างทำ Due Diligence นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะเห็นความร่วมมือกับพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ว่าเป็นรายใดในช่วงไตรมาส 4/68 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาใกล้จบแล้วและคาดว่าภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 69 จะเห็นการเริ่มก่อสร้างโรงแรมในพื้นที่เหมาะสมที่บริษัทได้เลือกไว้แล้ว |