ญี่ปุ่นรายงานว่า เงินเฟ้อพื้นฐาน ประจำเดือนต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. และสอดคล้องกับประมาณการของนักวิเคราะห์ โดยการเร่งตัวของเงินเฟ้อครั้งนี้ ช่วยหนุนมุมมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่การส่งออกในเดือนต.ค. ขยายตัวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของยอดส่งออกไปยังเอเชียและยุโรป ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด เพิ่มขึ้น 3% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3% เช่นกัน และยังคงสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของ BOJ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 43 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ Core-core CPI ที่ไม่นับรวมราคาอาหารสดและพลังงาน ปรับขึ้นเป็น 3.1% จากระดับ 3% ในเดือนก.ย. สะท้อนแรงกดดันด้านราคาที่กว้างขึ้นของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ด้านเงินเฟ้อจากราคาข้าวยังคงชะลอตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยลดลงมาอยู่ที่ 40.2% จากระดับ 49.2% ในเดือนก่อนหน้า ข้อมูล CPI ยังสอดคล้องกับรายงานที่ว่า คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอุเอดะระบุว่า ธนาคารกลางจะค่อย ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อปรับลงสู่เป้าหมาย 2% อย่างราบรื่น และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทางด้านทาคาอิจิ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แสดงความหวังว่า BOJ จะดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม เพื่อผลักดันไปสู่การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่มาจากค่าจ้าง ไม่ใช่จากแรงกดดันด้านต้นทุน พร้อมระบุว่า “เงินเฟ้อในปัจจุบันไม่ใช่เงินเฟ้อที่ดี” ขณะที่อุเอดะย้ำว่า ทาคาอิจิไม่ได้ร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใด ๆ 
ปัจจุบัน BOJ กำลังเผชิญภาวะการตัดสินใจที่ยากลำบาก ระหว่างเงินเฟ้อที่ยังสูงเกินเป้าหมาย ขณะที่ตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นอ่อนแอลงจากผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดย GDP ไตรมาส 3 หดตัว 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 1.8% เมื่อคำนวณรายปี ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนต.ค. ขยายตัว 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์สำรวจคาดไว้ที่ 1.1% อย่างมาก สะท้อนแรงหนุนจากคำสั่งซื้อของยุโรปและเอเชียที่เติบโตแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตชะลอลงจากเดือนก.ย. ที่การส่งออกขยายตัว 4.2% โดยการส่งออกไปเอเชียเพิ่มขึ้น 4.2% ขณะที่การส่งออกไปยุโรปตะวันตก พุ่งขึ้นถึง 8.8% เมื่อเทียบรายปี ช่วยชดเชยการส่งออกไปยังอเมริกาเหนือ ที่ลดลง 2.7% ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ หดตัว 3.1% การส่งออกรถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ไปยังตลาดสหรัฐฯ ลดลง 7.5% เมื่อเทียบรายปี แต่ถือว่าดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ลดลงถึง 24.2% ซึ่งตัวเลขล่าสุด ถูกเผยแพร่ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญความตึงเครียดทางการทูตกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด จากถ้อยแถลงเกี่ยวกับไต้หวันของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ โดยผลกระทบต่อการค้าอาจชัดเจนมากขึ้นในการเผยแพร่ข้อมูลเดือนหน้า ซึ่งกลุ่ม Asia Group ระบุว่า จีนสั่งระงับการนำเข้าสินค้าทะเลจากญี่ปุ่น พร้อมชี้ว่าบนโซเชียลมีเดียของจีน มีรายงานร้านค้าของแบรนด์ญี่ปุ่นบางแห่งในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งปิดให้บริการชั่วคราวโดยสมัครใจหลายวัน ทั้งนี้ การนำเข้าของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.7% สวนทางคาดการณ์ของรอยเตอร์ที่มองว่าจะลดลง 0.7% โดยข้อมูลการส่งออกที่ออกมาดีกว่าคาด ถือเป็นข่าวดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ที่กำลังเผชิญแรงกดดัน หลัง GDP ไตรมาส 3 หดตัว 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการส่งออกสุทธิฉุด GDP ลง 0.2 จุดเปอร์เซ็นต์ ที่มา CNBC (1) และ (2) 
|