โบรกฯ จับตา 3 แบงก์ใหญ่ KTB-SCB-BBL ผนึกความร่วมมือ BAM ตั้ง JV AMC หลัง ธปท.เปิดทางแก้หนี้รายย่อย หวังช่วยลด NPL ในระบบ ชี้ 5 หุ้นกลุ่ม Non-Bank รับประโยชน์เต็มๆ จากวงเงินรับซื้อหนี้ที่สูงกว่ากลุ่มแบงก์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมประกาศเปิดทางตั้ง JV AMC เพื่อดูดซับ NPL คาดเริ่มเฟสแรกใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยหนี้ที่ถูกโอนในเฟสแรกคาดจะเป็นลูกหนี้จากธนาคารพาณิชย์ ราว 700,000ราย โอนให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) หนี้ของ Non-bank ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ ราว 800,000 ราย ขณะที่เหลือคือ หนี้ของธนาคารรัฐราว 400,000-500,000 ราย โอนให้บริษัท Ari AMC *** จับตา KTB-SCB-BBL จับมือ BAM ตั้ง AMC ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าว โดย JV AMC ครั้งนี้ ธปท.คาดหวังจะช่วยลด NPL ลง 20-30% ของทั้งระบบ จากปัจจุบันที่ลดลงได้ราว 10% ขณะที่ คาดว่าจะช่วยเร่งให้ NPL ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยลดลงได้ในอนาคต เพราะรอบนี้จะเน้นแก้หนี้รายย่อยที่ไม่มีหลักประกันก่อน ซึ่งจะมีBAM และ SAM (เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) เข้ามาเป็นตัวกลางในการจัดการหนี้ โดยอ้างอิงจากข่าวรอบก่อนระบุว่าจะใช้วงเงินเบื้องต้นทั้งหมด 1 หมื่นล้านบาท(มาจากเงินที่เหลือจากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ปัจจุบันยังเหลือเงินอยู่ 26,000 ล้านบาท) โดยจะซื้อหนี้ที่ 7 พันล้านบาท (ที่ราคา 5% ของหนี้รวม123,000 ล้านบาท) และอีก 3 พันล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการของ BAM และ SAM ขณะที่คาดว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่งที่ BAM กำลังหารือคือ KTB, SCB, BBL (โดย KBANK มี JV AMC อยู่แล้วกับ JMT และ BAM) แต่อย่างไรก็ดี ยังคงต้องรอรายละเอียดเงื่อนไขการร่วมทุน ในเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้นและสิทธิ-หน้าที่ของ AMC และแต่ละธนาคาร) อีกที ทั้งนี้ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกันเรียงจากมาก-น้อยคือ TTB (7%), BAY (6%), KBANK (6%), SCB (5% รวมกลุ่มบริษัทย่อย) 
*** กลุ่ม Non-bank จะได้ประโยชน์ ขณะที่คาดว่ากลุ่ม Non-bank จะได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มธนาคาร จากวงเงินรับซื้อหนี้ที่มากกว่า (AEONTS และ TURBO สัดส่วน Nano finance ที่ 20%, MTC สัดส่วนสินเชื่อไม่มีหลักประกัน 5-10%, SAWAD มี P-loan ที่ 3%) และ BAM ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรง อย่างไรก็ดี การทำ JV AMC เป็นรูปแบบเดิมที่ปัจจุบันมีอยู่แล้ว โดยปัจจุบันKBANK มีการทำ JV ร่วมกับ JMT และ BAM อยู่แล้ว (ซึ่งมีระยะเวลาที่อนุญาตให้ดำเนินธุรกิจ JV AMC ได้ไม่เกิน 15 ปี) โดย KBANK เริ่มทำ JV AMC กับ JMT (JK AMC) เมื่อช่วง 3Q22 ทำให้ NPL ของ KBANK ลดลงได้ดีมาก มาอยู่ที่ 3.07% จาก 2Q22 ที่ 3.80%
ขณะที่ดูจากงบของ JMT พบว่ามีส่วนแบ่งกำไรที่ได้จาก JK AMC งวด 1H25 อยู่ที่ 144 ล้านบาท (จาก 1H24 ที่ 228 ล้านบาท) ซึ่งหากคิดแบบทั้งปี จะคิดเป็นสัดส่วนที่ 0.6% ของกำไรสุทธิปี2025E ของ KBANK ยังคงน้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.72x PBV (-1.00SD below 10-yr average PBV) และระดับ Dividend yield ของกลุ่มที่อยู่สูงถึง 7% จากค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3% โดยยังคงเลือก KTB (ซื้อ/เป้า 27.00 บาท), SCB (ซื้อ/เป้า 145.00 บาท) เป็น Top pick
 |