SCGP เตรียมชงแผนธุรกิจปี 69 เข้าบอร์ด 25 พ.ย. นี้ รุกขยายสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ - ลงทุนในอินโดนีเซีย ส่วนงบ Q4/68 มั่นใจดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุยอดขายดีขึ้นต่อเนื่อง นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า แผนธุรกิจปี 2569 คาดจะเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 25 พ.ย. นี้ แต่เบื้องต้นกลยุทธ์การเติบโตจะเน้น Downstream โดยตั้งเป้าขยายสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำที่เชื่อมโยงกับกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค(Consumer product) เนื่องจากเป็นตลาดเติบโต และ เสริมการบูรณาการห่วงโซ่คุณค่าด้วยบรรจุภัณฑ์กระดาษในอินโดนีเซีย(MYPAK) ซึ่งตลาดในอินโดนีเซีย บริษัทมีโรงงานกระดาษบรรจุภัณฑ์ 2 โรงงาน และ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 31% เป็นอันดับ 1 ของตลาด และ บรรจุภัณฑ์กระดาษ มี 8 โรงงาน และ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 10% เป็นอันดับ 2 ของตลาด ในขณะที่เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่บริษัทให้ความสำคัญ ซึ่งบริษัทได้ลดสัดส่วนการส่งออกไปจีนลง เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา และ การเพิ่มขึ้นของภาษีสหรัฐ นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง เช่น กลุ่ม Healthcare ด้วยการขยายตลาด และ ขยายผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่าง และ มีมูลค่าเพิ่ม หรือ ผลิตสินค้าที่ออกแบบ หรือ พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม การขยายสู่ปลายน้ำ โดยบริษัทจะทำทั้งในรูปแบบ Organic และ การควบรวม หรือหาพันธมิตร อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความสำคัญกับรักษากระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในตลาดอาเซียน และ การฟื้นตัวของการส่งออก โดยมีเงินสด และ เงินสดภายใต้การบริหาร 10,664 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือน บริษัทใช้เงินลงทุนไป 7,391 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการสร้างการเติบโต 6,000 ล้านบาท และ งบสำหรับการบำรุงรักษา การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต ESG นวัตกรรม และ อื่นๆ ประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/68 คาดเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยอดขายปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญ และ ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม เช่น โรงงานกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีกำลังการผลิต 144,000 ตันต่อปี และ คาดว่าจะสร้างยอดขายได้ 1,800 ล้านบาทในปีหน้า ประกอบกับ ไตรมาส 4/68 เป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอย ทำให้ผู้ผลิตสินค้าเร่งผลิตสินค้าล่วงหน้าเพื่อสะสมสต็อก และ ปีนี้มีมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาตรการคนละครึ่งพลัสเข้ามาช่วยหนุนการอุปโภคบริโภคในประเทศเพิ่มเติมอีก และ ทำให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย 
|