พาณิชย์ เผยส่งออกของไทยในเดือน ต.ค. ขยายตัว 5.7% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 6.5% ขณะที่ทั้งปีประเมิน 10.7-11.4% ยอมรับมีสัญญาชะลอตัว หลังสินค้าเกษตรหดตัวต่อเนื่อง นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาริชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีมูลค่า 28,835 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 5.7% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 32,272 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.3% โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรป รวมถึงตลาดรอง เช่น เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ที่ยังคงขยายตัวได้ดี 
ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แรงสนับสนุนหลักมาจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง รวมถึงสินค้ากลุ่มยานยนต์ และภาคการผลิตโลกที่อยู่ในภาวะขยายตัว จากผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยยังคงอยู่ในภาวะหดตัว ขณะที่ 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ที่ผ่านมา การส่งออกไทยมีมูลค่า 282,982 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 286,848 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 12.4% ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือน ต.ค. ขาดดุล 3,436 ล้านดอลลาร์ และ 10 เดือน ขาดดุล 3,866 ล้านดอลลาร์ สำหรับปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อการส่งออก คือ 1.กิจกรรมการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกและประเทศคู่ค้าสำคัญยังขยายตัว 2.การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวสูง แม้เผชิญกำแพงภาษี โดยอัตราภาษีที่ได้นั้นไทยยังสามารถแข่งขันได้ 3.แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยกดดันคือ 1.ปัจจัยบวกจากการเร่งส่งออกในช่วงก่อนหน้า และเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลง 2.สินค้าเกษตรส่งออกสำคัญหดตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก “ที่ผ่านมา การส่งออกขยายตัวได้สูง เป็นผลจากวัฎจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความต้องการสินค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯขยายตัวดี ขณะเดียวกัน จะเห็นได้ว่า 1-2 เดือนที่ผ่านมามีการส่งออกสูง สต๊อกในประเทศต่างๆจึงสูง ทำให้ตอนนี้อัตราการส่งออกเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลง โดยมองว่า ในระยะต่อไป ในช่วง 2 เดือนสุดท้าย สต๊อกที่สูง การส่งออกชะลอตัว และในช่วงปลายปีจะมีการสั่งซื้อสูง ฐานปีที่แล้วก็ค่อนข้างสูง กระทรวงพาณิชย์จึงคาดการณ์ว่า 2 เดือนสุดท้าย การส่งออกน่าจะอยู่ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”นายนันทพงษ์ กล่าว ส่วนทั้งปีขณะนี้ประเมินว่า การส่งออกทั้งปีของไทยน่าจะขยายตัวได้ประมาณ 320,000-334,000 กว่าล้านดอลลาร์ หรือ ขยายตัวได้ 10.7-11.4% สำหรับแนวโน้มการส่งออกในปี 2569 คาดว่าจะชะลอตัวลง จากฐานปีนี้ที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับอัตราภาษีสหรัฐฯ แม้ไทยจะปรับตัวได้ดี แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นชัดเจนในปีหน้า รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่จะส่งผลกระทบทำให้ อุปสงค์ลดลง นายนันทพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความต้องการในระดับสูง รวมถึงสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารที่ยังคงมีความต้องการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปี และปริมาณสินค้าเกษตรของไทยที่อาจลดลงจากปัญหาอุทกภัย ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีนโยบายและแผนงานในการขยายการส่งออกของไทย อาทิ การรักษาตลาดเดิม บุกตลาดศักยภาพใหม่ เร่งเจรจาความตกลงเพื่อเปิดประตูการค้า ในขณะที่ต้องเร่งเจรจาข้อตกลง Reciprocal Tariff พร้อมยกระดับหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ และหาข้อสรุปให้มีความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้ผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จากความตกลงให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีเพื่อให้ผู้ส่งออกได้รับทราบข้อมูลที่จำเป็นในการบริหารจัดการต่อไป อนึ่ง มุมมองของตลาดคาดการณ์ส่งออกเดือนต.ค.68 ขยายตัว 6.5% y-y ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 19.0% y-y ในเดือนก.ย.68 
|