RATCH เผยกำไรงวด 9 เดือนปี 68 ที่ 5,445 ลบ. รับรายได้จากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในกิจการร่วมค้าพุ่ง 11% เล็งเข้าร่วมโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนและ Direct PPA ตามนโยบาย Quick Big Win พร้อมโชว์สถานะการเงินที่แข็งแกร่ง นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่าผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 68 มีกำไรสุทธิ จำนวน 5,445 ล้านบาท โดยรายได้จากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในกิจการร่วมค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าเป็นจำนวน 5,882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 67 ส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มีจำนวน 11,766 ล้านบาท

โดยการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้ายังเป็นแกนหลักในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ โดยรายได้จำนวน 18,804 ล้านบาทของรายได้รวม คิดเป็น 79% มาจากกลุ่มโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 7,830.60 เมกะวัตต์ รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และชีวมวล กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,618.21 เมกะวัตต์ จำนวน 3,874 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 ของรายได้รวม และรายได้จากธุรกิจเกี่ยวเนื่องและอื่นๆ เป็นจำนวน 1,247 ล้านบาท คิดเป็น 5%
“ปีนี้บริษัทฯได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการสินทรัพย์และต้นทุนการดำเนินการ เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งความพยายามดังกล่าวสะท้อนในผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรก โดยความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ ทั้งประเภท IPP และพลังงานทดแทนปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจและพอร์ตการลงทุนเพื่อให้บริษัทฯสามารถมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงาน และเสริมความแข็งแกร่งด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ในระยะยาว” นายนิทัศน์ กล่าว นายนิทัศน์ กล่าวต่อว่าสำหรับแผนงานระยะสั้นบริษัทฯจะเน้นการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมในโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โครงการ Direct PPA การเข้าลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าที่มีรายได้มั่นคง การรักษาความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการทำแผนพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าราชบุรีหลังจากปลดระวาง เป็นต้น ส่วนแผนในระยะกลางและระยะยาว จะมุ่งที่การเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าตามแผน PDP และเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศยุโรป การขยายไปสู่ธุรกิจไฟฟ้าแห่งอนาคตและธุรกิจที่สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่า การดำเนินกลยุทธ์ตามแผนงานนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจและขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวได้เป็นอย่างดี ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 ก.ย.68 มีสินทรัพย์รวม จำนวน 211,428 ล้านบาท หนี้สินรวม จำนวน 108,093 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 103,335 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งสะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.05 เท่า อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 10.57% รวมทั้งอันดับความน่าเชื่อถือที่อยู่ในระดับ Investment Grade จากสถาบันการจัดอันดับชั้นนำ ได้แก่ Tris Rating ที่ระดับ AA+, Moody’s ระดับ Baa2 และ S&P Ratings ระดับ BBB- |