โฟล์คสวาเกน (Volkswagen AG) เปิดเผยว่า บริษัทสามารถลดต้นทุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) สำหรับบางรุ่นในจีนได้มากถึง 50% พร้อมเร่งความเร็วในการพัฒนาอีก 30% เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์ม EV รุ่นก่อนหน้าในตลาดจีน พัฒนาการครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากโฟล์คสวาเกน เปิดศูนย์ทดสอบแห่งใหม่มูลค่า 2,500 ล้านยูโร (ราว 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเมืองเหอเฟย ซึ่งรวบรวมงานด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และการตรวจสอบคุณภาพตัวรถไว้ในที่เดียว ช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนารถรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มรถขนาดเล็กสำหรับผู้บริโภคจีนได้อย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุนมากขึ้น ซึ่งราล์ฟ บรันด์สแตทเทอร์ ผู้บริหารสูงสุดของโฟล์คสวาเกนในจีน ระบุว่า “ลูกค้าในจีนคาดหวังนวัตกรรมที่รวดเร็วและคุณภาพไร้ที่ติ” ศูนย์ทดสอบแห่งนี้ มีห้องแล็บกว่า 100 แห่ง พื้นที่เทียบเท่าสนามฟุตบอลราว 15 สนาม สามารถทดสอบประสิทธิภาพแบตเตอรี่ ซอฟต์แวร์ภายในรถ และฟังก์ชันห้องโดยสารดิจิทัลไปพร้อมกัน ซึ่งโธมัส อุลบริช หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีในจีน ระบุว่าจะช่วยให้นำเทคโนโลยีใหม่ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นมาก พร้อมกันนี้ โฟล์คสวาเกนเร่งอุดช่องว่างด้านเทคโนโลยีรถขับเคลื่อนอัตโนมัติและซอฟต์แวร์บนรถ ด้วยการจับมือพันธมิตรสำคัญอย่าง Xpeng ในจีน และ Rivian ในสหรัฐฯ 
เพื่อพัฒนารถรุ่นใหม่ในอนาคต ขณะที่ผู้บริหารสูงสุดของโฟล์คสวาเกนในจีน ได้รับมอบหมายให้ดึงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมาในจีน ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตท้องถิ่น นำโดย BYD เป็นผู้ครองตลาดด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า ปัจจุบัน โฟล์คสวาเกนกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันหลายด้าน ทั้งยอดขายในจีนที่ชะลอ ภาระต้นทุนจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และอุปสงค์รถยนต์ในยุโรปที่อ่อนแรง ทำให้โอลิเวอร์ บลูม ซีอีโอ ต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งอาจรวมถึง การลดจำนวนพนักงาน การเลื่อนการเปิดตัวรถ EV บางรุ่น และการเพิ่มสัดส่วนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปและไฮบริด ทั้งนี้ โฟล์คสวาเกน กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนลงทุนใหม่ในด้านผลิตภัณฑ์และโรงงานสำหรับช่วง 5 ปีข้างหน้า ในการประชุมวางแผนงบลงทุนประจำปี ที่มา Bloomberg 
|