MINT เผยไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 2,553.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,609 แรงหนุนทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ส่งผล 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 6,055.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 2,553.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,609 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 149.4 ล้านบาท เป็นผลมาจากผลการดําเนินงานที่ดีขึ้นและผลขาดทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากสัญญาอนุพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 41,573 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกําไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมตามที่รายงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 11,872 ล้านบาท 
โดยรายได้จากการดําเนินงานอยู่ที่ 41,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (ลดลงร้อยละ 1 หากรวมผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อ เทียบกับสกุลเงินหลัก) ซึ่งกลุ่มธุรกิจโรงแรมในยุโรป มัลดีฟส์ และออสเตรเลีย มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่รายได้ของธุรกิจอื่นๆได้รับแรงหนุนจากยอดขายของ Anantara Vacation Club และส่วนแบ่งกําไรจาก Pop Mart ที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร การเติบโตในสิงคโปร์เป็นผลจากการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ในขณะที่ออสเตรเลียได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างสรรค์และยอดขายเมล็ดกาแฟที่เพิ่มขึ้น บริษัทมีกําไรสุทธิจากการดําเนินงานอยู่ที่ 2,768 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมือเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยการเติบโตของกําไรสุทธิดังกล่าวสะท้อนถึงการดําเนินการ เชิงกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงความต้องการในการท่องเที่ยวและการขยายฐานลูกค้าร้านอาหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากระดับหนี้และต้นทุนทางการเงินที่ตํ่าลง โดยเมื่อรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน กําไรสุทธิจากการดำเนินงานเติบโตร้อยละ 5 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สําหรับผลการดําเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 6,055.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,118.7 ล้านบาท บริษัทมีรายได้ลดลงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 122,933 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่กําไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 แสดงให้ เห็นถึงโมเมนตัมในทุกกลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยได้แรงหนุนจากทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรมเติบโตจากอัตราการเข้าพัก (Occupancy rate) และราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่สูงขึ้น ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารได้รับแรงหนุนจากกลยุทธ์การขายที่ได้รับผลตอบรับอย่างดีและการขยายเครือข่ายสาขาในบางประเทศ และการขายสินทรัพย์บางส่วนในพอร์ตโฟลิโอ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลัก โดยมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 70 ของกําไรจากการดําเนินงาน 
|