ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศให้คำมั่นจะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของค่าเงิน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า โดยนักวิเคราะห์มองว่า จะช่วยพยุงค่าเงินรูเปียห์ได้ ในช่วงที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงการถือครองสินทรัพย์ในประเทศ เพอร์รี วาร์จีโย (Perry Warjiyo) ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) กล่าวในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางว่า ในปี 2026 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง นโยบายการเงินจะยังคงมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างเสถียรภาพและการเติบโต พร้อมย้ำว่าธนาคารกลาง จะดำเนินมาตรการพยุงค่าเงินผ่านการแทรกแซงทั้งตลาดในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง ราจีฟ เด เมลโล (Rajeev De Mello) ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนจาก Gama Asset Management ระบุว่า “คำมั่นดังกล่าวถือเป็นถ้อยแถลงที่สำคัญ นั่นหมายความว่า ธนาคารกลางจะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของค่าเงินเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจยังโตในระดับที่ไม่หวือหวา และได้ปรับลดน้ำหนักมุมมองที่สนับสนุนการผ่อนคลายทางการเงินลง เพื่อให้สอดรับกับการอ่อนค่าของสกุลเงินรูเปียห์” ปัจจุบัน สกุลเงินรูเปียห์อ่อนค่ามากกว่า 3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ กลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย โดยมีปัจจัยกดดันตั้งแต่ความกังวลด้านวินัยการคลัง การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา ไปจนถึงแรงสั่นสะเทือนจากการค้าโลก นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.25% ในปี 2025 ยังลดความน่าสนใจของสินทรัพย์ในประเทศ 
แรงเทขายพันธบัตรอินโดนีเซีย นับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เงินทุนไหลเข้าพันธบัตรสุทธิมูลค่า 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย แม้มีเงินทุนไหลเข้าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่เงินทุนที่ต่างชาติขายสุทธิทั้งปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ในช่วงเช้าวันนี้ (1 ธ.ค.) ค่าเงินรูเปียห์เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 16,664 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเด เมลโลคาดว่า เงิรูเปียห์จะกลับมาแข็งค่าในกรอบ 16,000–16,500 ในปีหน้า ส่วนหนึ่งเพราะดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ด้านสุรยาปุตรา วีจักสนะ (Suryaputra Wijaksana) นักเศรษฐศาสตร์จาก PT UOB Kay Hian Sekuritas คาดว่าแนวโน้มเงินทุนไหลยังเกิดขึ้นต่อไป แต่จะลดลงเพราะแรงเทขายในตลาดพันธบัตร ถูกชดเชยด้วยเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น โดยคาดว่าเงินรูเปียห์จะอ่อนค่าเพียงเล็กน้อยสู่ระดับราว 16,700 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ วาร์จีโยระบุว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย จะยังคงมองหาโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงการเติบโตของเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน โดยกล่าวว่า “เสถียรภาพคือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ประเทศสามารถบรรลุการเติบโตในระดับสูงอย่างยั่งยืนได้” ที่มา Bloomberg 
|